ความเข้าใจผิดเรื่องคุมกำเนิดหลังคลอด

ผ่านพ้นเดือนแรกไป รูปร่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง เริ่มจัดเวลาเลี้ยงลูกเข้าที่เข้าทางแล้ว แต่เดิมต้องตื่นมาให้นมลูกทุกคืน อยู่ไปอยู่มาเห็นสามีนอนอ้าปากทำตาปริบๆ ... นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ให้นมสามีมานานแล้วนะ แต่นั่นสิจะเริ่มยังไงดี ..แล้วมันจะท้องได้หรือเปล่า??
โดยปกติแล้วคุณแม่ก็จะสามารถกลับมามีเพศสัมพันธ์กันได้อีกครั้งในหนึ่งเดือนครึ่ง หรือสี่สิบห้าวันหลังคลอด ถึงตอนนี้แผลต่างๆที่เกิดขึ้นในระหว่างการคลอดก็จะหายสนิทดี ไม่ว่าเป็นแผลคลอดเอง หรือผ่าตัดคลอด มดลูกก็จะหดตัวเล็กลงเท่าขนาดปกติ กล้ามเนื้อต่างๆในอุ้งเชิงกรานก็กลับมาตึงตัวเข้าที่เหมือนเดิม อวัยวะภายในต่างๆก็จะได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ หลังจากต้องแบกรับการตั้งครรภ์มาตลอดเก้าเดือน
คุณแม่ที่คลอดเองบางคนก็อาจจะมีความรู้สึกเจ็บบริเวณแผลฝีเย็บอยู่บ้างเมื่อกลับมามีเพศสัมพันธ์กันใหม่ๆในท่าปกติ ก็คงต้องหลีกเลี่ยงท่าที่ไปกด ไปเสียดสีโดนแผลพอดี ไปใช้ท่าทางด้านหลัง หรือท่าอะไรก็ได้ที่ไปเสียดสีช่องคลอดทางด้านหน้าแทน ...ดังนั้นก่อนหลับมาเริ่มมีอะไรกันก็คงต้องไปอ่านตำราศึกษาท่าโน้นท่านี้มาก่อนก็ดีเหมือนกันนะครับจะได้ไม่เก้ๆกังๆ แต่ก็ยังมีคุณแม่บางคนที่ไม่ว่าจะท่าไหนมันก็เจ็บๆแสบๆไปซะทุกที ซึ่งก็เกิดจากช่องคลอดแห้ง โดยเฉพาะในรายที่ลูกยังกินนมแม่อยู่ ในกรณีนี้ก็อาจต้องใช้เจลหล่อลื่นช่วยบ้างก็ดี
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเริ่มกลับมามีเพศสัมพันธ์อีกครั้ง สิ่งที่สำคัญที่ไม่ควรพลาด ก็คือ เรื่อง การวางแผนครอบครัวครับ เพราะ หากยังไม่ได้คุมกำเนิดก็อาจจะตั้งครรภ์ได้โดยไม่ได้ตั้งใจ
คุมกำเนิด....เรื่องสำคัญที่พลาดไม่ได้
อย่าประมาทเรื่องนี้เป็นอันขาด เพราะมีคุณแม่หลายคนที่ตั้งครรภ์โดยที่ไม่ได้ตั้งใจในเดือนแรกๆหลังคลอด จากสถิติโลกเท่าที่มีบันทึกกันไว้ คุณแม่สามารถตั้งครรภ์ได้แม้ว่าเพิ่งจะคลอดลูกผ่านไปได้เพียงแค่ 21 วันที่แล้วเท่านั้นเอง …ไปฝากท้องอีกทียังอายหมอเลย เพิ่งคลอดคนที่แล้วยังไม่สองเดือนเลย แบบนี้ถ้าเป็นสมัยโบราณเขาก็เรียกว่า “มีลูกหัวปีท้ายปี”
สิ่งที่คุณแม่พลาดกันมากที่สุดก็คือ เข้าใจผิดคิดว่าประจำเดือนมาแล้วค่อยคุม แต่ที่จริงแล้วก่อนที่ประจำเดือนจะมา มันก็ต้องมีการตกไข่มาก่อนเสมอ ไข่จะตกก่อน หากไม่ได้มีการปฏิสนธิประจำเดือนก็จะมาภายใน 2 สัปดาห์ แต่ถ้าหากมีการปฏิสนธิไปซะเรียบร้อยแล้ว ประจำเดือนมันก็จะไม่มาอย่างที่รอคอย เรียกได้ว่าประจำเดือนยังไม่ทันมาก็ท้องไปซะแล้ว
หลังคลอดแล้วจะมีประจำเดือนมาเมื่อไหร่
มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่หรือเปล่า ถ้าหากคุณแม่ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ประจำเดือนก็จะเริ่มมาครั้งแรกใน 5-8 สัปดาห์ หลังคลอด
แต่ถ้าคุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ประจำเดือนก็จะมาหลังจากที่ลูกหยุดทานนมแม่ไปแล้วประมาณ 1 เดือน แต่บางรายที่ให้นมไม่สม่ำเสมอ หรือ ไม่ได้ให้เต็มที่นัก ฮอร์โมนของการสร้างน้ำนมก็จะลดลง ฮอร์โมนของรังไข่ก็จะเพิ่มขึ้น ก็อาจมีประจำเดือนมาแม้ว่าจะยังมีน้ำนมไหลอยู่
การให้ลูกกินนมแม่เป็นการคุมกำเนิดในเวลาเดียวกันหรือไม่
คุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งก็มักมีผลทำให้ไม่มีประจำเดือนมา คุณแม่หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่า การที่ลูกกินนมแม่ก็เหมือนเป็นการคุมกำเนิดไปในตัว.... แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่ผิด หากคุณแม่ให้ลูกกินนมแม่เต็มที่แต่เพียงอย่างเดียว สม่ำเสมอทุกวัน โอกาสที่จะพลาดตั้งครรภ์ก็จะน้อย แต่ถ้าลูกกินนมแม่เริ่มห่างขึ้น ฮอร์โมนของการสร้างน้ำนมก็จะลดลง ฮอร์โมนของรังไข่ก็จะเพิ่มขึ้น จนถึงจุดหนึ่งก็จะเริ่มมีการตกไข่ แล้วก็เจ้าไข่เม็ดแรกนี่แหละที่ชอบติดกันดีนัก สงสัยคงเพราะอดมานาน
การให้ลูกกินนมแม่จะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดต่อเมื่อคุณแม่ให้ลูกที่อายุไม่เกิน 6 เดือน กินนมแม่อย่างสม่ำเสมอทุก 2-4 ชั่วโมง โดยไม่ขาดแม้แต่มื้อเดียว ซึ่งในกรณีนี้คุณแม่ก็จะต้องไม่มีประจำเดือนมาด้วย ถ้าคิดจะคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ก็เห็นจะยากพอสมควร เพราะลูกจะต้องกินนมแม่แต่เพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่กินอาหารอย่างอื่นเลย
ดังนั้น หากให้ลูกกินนมแม่ไม่สม่ำเสมอนัก หรือ กินนมแม่บ้าง นมขวดบ้าง หรือเมื่อเริ่มให้อาหารเสริมอย่างอื่นแล้ว ควรที่จะ ต้องหาวิธีคุมกำเนิดที่เชื่อถือได้อย่างอื่นร่วมด้วยเสมอ
ถ้าลูกกินนมแม่ จะเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดวิธีไหนดี
ถ้ายังไม่อยากมีลูกหัวปีท้ายปี ก็คงต้องหาทางคุมกำเนิดไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่ง จะคุมธรรมชาติ จะใช้ถุงยาง จะหลั่งภายนอกก็ได้ ส่วนยาคุมกำเนิดก็ไม่ควรรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เพราะจะมีผลต่อน้ำนม ทำให้น้ำนมน้อยลง คุณภาพของน้ำนมแย่ลง แต่ถ้าคุณแม่เลือกใช้ยาคุมกำเนิดที่มีส่วนประกอบเป็นฮอร์โมนโปรเจสโตเจนอย่างเดียว ยาคุมกำเนิดแบบฉีด แบบฝัง ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนนี้ก็จะหลั่งออกมาทางน้ำนมน้อยมาก ไม่มีผลต่อน้ำนมและสุขภาพเด็กแต่อย่างไร
การทำหมันถาวรเลยดีมั๊ย
หากคิดว่ามีลูกพอแล้ว ไม่เอาอีกแน่ๆ การทำหมันซะเลยก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะถ้ามีลูกพอแล้ว แล้วอีกตั้งนานกว่าจะหมดประจำเดือน ถ้าคุมแบบอื่นก็อาจจะต้องกินยาคุม หรือฉีดยาคุมไปอีกตั้ง 20-30 ปีเลยทีเดียว กินยาจนเบื่อ ถึงวันนึงก็ขี้เกียจกิน ฟลุ๊คๆก็มีลูกหลงมาเพิ่มอีกคน แต่ถ้าจะทำหมัน ทั้งคุณพ่อคุณแม่ต้องตัดสินใจให้ดี คิดให้รอบคอบก่อนทำหมัน เนื่องจากการทำหมันจะทำให้เป็นหมันอย่างถาวร ถึงแม้ว่าจะสามารถผ่าตัดแก้หมันได้ แต่ก็ต้องเจ็บตัวไปผ่าแก้หมันอีกที
คุณแม่ส่วนมากก็จะทำหมันทันทีหลังคลอด หรือเรียกว่าหมันเปียก ทำง่าย สะดวก ปลอดภัย แล้วก็เป็นหมันทันที แต่ถ้าหากทำหมันตอนอื่นๆที่ไม่ใช่หลังคลอด ก็จะเรียกว่าหมันแห้ง ทำยากกว่า เพราะมดลูกมันจะเล็กจมอยู่ในอุ้งเชิงกราน
หมันชายทำง่ายที่สุด เพราะอัณฑะมันห้องต่องแต่งอยู่ข้างนอก จะทำตอนไหนก็ได้ แต่ทำแล้วมันไม่ได้เป็นหมันทันทีทันใด บางครั้งต้องใช้เวลากว่า 3 เดือน หรือปล่อยออกไป 15 ครั้งเป็นอย่างน้อย เชื้อถึงหมด โดยมากคุณหมอก็จะต้องนัดตรวจน้ำเชื้อก่อนว่าเชื้อหมดแล้วหรือยัง ก่อนไปทำอะไรกันจริงๆ
หลายๆคนเข้าใจผิดคิดว่าทำหมันชายแล้วหมันทันที หรือบางคนก็ชะล่าใจไม่ไปตรวจเชื้อก่อนว่าหมดหรือยัง สุดท้ายเมียดันท้องเอาตอนเชื้ออสุจิตัวสุดท้ายพอดี .. ที่แย่กว่านั้นบางคนดันไปโวยวายต่ออีกว่าทำหมันแล้วเมียจะท้องได้ยังไง นั่นก็แปลว่ากว่าจะรู้ว่าเมียท้องเวลาก็ผ่านไป2-3เดือนแล้ว ไปตรวจเชื้ออสุจิอีกทีมันก็ไม่มีเชื้อแล้วพอดี ... เรื่องมันก็เฃุ่ยลงวุ่นวายไปกันใหญ่ มีปัญหาครอบครัวกันอีก เรื่องง่ายๆก็กลายเป็นเรื่องยากๆ ...หลังทำหมันชายแล้วก็ตรวจน้ำอสุจิก่อนให้มั่นใจก็สิ้นเรื่อง..เพื่อความมั่นใจนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น