ลูกดิ้นน้อย...จะเป็นอะไรหรือเปล่า

 



จะว่าไปแล้วลูกในท้องจะเริ่มมีการดิ้นมีการเคลื่อนไหวกันตั้งแต่คั้งครรภ์ได้  8 สัปดาห์ แต่ตอนนั้นลูกตัวเล็กเท่าเม็ดถั่ว ดิ้นยังไงแม่ก็ไม่รู้สึก   โตขึ้นมาอีกนิด ถุงน้ำคร่ำก็ยังใหญ่กว่าตัวเด็กเยอะ ดิ้นกี่ทีก็ไม่ชนโดนผนังมดลูกสักที กว่าแม่จะรู้สึก ก็ดิ้นกันจนเหนื่อย มารู้สึกลูกดิ้นจริงๆก็ตอน 16-18 สัปดาห์ 


ช่วงท้องเล็กๆลูกก็ดิ้นเหมือนปกติทุกวัน แต่แม่ก็จะจับความรู้สึกได้บ้างไม่ได้บ้าง คุณแม่ที่ตัวใหญ่สะโพกใหญ่ มดลูกจะจมอยู่ในอุ้งเชิงกราน แม่ก็จะรู้สึกลูกดิ้นน้อย แต่แม่ที่เอวเล็กเอวน้อย มดลูกจะโตเข้าไปในช่องท้องเร็วก็จะรู้สึกลูกดิ้นเร็วกว่า คนผอมรู้สึกลูกดิ้นเร็ว คนอ้วนก็จะรู้สึกลูกดิ้นช้า คุณแม่ที่เดินมากทำงานมากก็จะไม่ค่อยรู้สึกลูกดิ้น ส่วนแม่ที่เป็นคุณนาย นั่งๆนอนๆทั้งวันก็จะจับความรู้สึกได้มากกว่า

 

ดังนั้น รู้สึกลูกดิ้นเร็ว รู้สึกลูกดิ้นช้า ดิ้นมาก ดิ้นน้อย ในแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน  ลูกดิ้นของเราก็ไปเทียบกับลูกดิ้นของเขาไม่ได้  คุณแม่บางคนก็ขี้กังวลมากเกินไป ข้างบ้านท้องพร้อมกัน ของเขาดิ้นแล้ว แต่ของเรายังไม่ดิ้นเลย ก็เป็นกังวล ของเขาดิ้นเยอะดิ้นทั้งวัน ของเราดิ้นน้อยกว่า ก็กังวลว่าลูกจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า  …เครียดอีก

 

ปกติแล้วในแต่ละช่วงของอายุครรภ์ ลูกก็ดิ้นในลักษณะแตกต่างกัน ช่วง 20 สัปดาห์กว่าๆ ช่วงที่เริ่มรู้สึกลูกดิ้นใหม่ๆ พยายามนั่งสังเกตุลูกดิ้น ... บางทีก็รู้สึก บางทีก็ไม่ค่อยรู้สึก บางวันก็ดิ้นเยอะ แต่บางวันก็ดิ้นน้อย บางวันก็แทบไม่รู้สึกเลย  ลูกจะเป็นอะไรหรือเปล่า คุณแม่ก็เกิดกังวลอีก 

ที่แม่รู้สึกบ้าง ไม่รู้สึกบ้างแบบนี้นั่นก็เพราะลูกยังตัวไม่โตนักเมื่อเทียบกับขนาดของมดลูก มีเนื้อที่ให้ลูกลอยไปตรงโน้น ตรงนี้ได้สบายๆ ลูกสามารถเปลี่ยนท่า เปลี่ยนตำแหน่งได้ทั้งวัน 

เมื่อไหร่ทีหันหน้าออกถีบออกมาทางด้านหน้า แม่ก็จะจับความรู้สึกเยอะ 

เมื่อไหร่ที่หันหน้าเข้าถีบไปทางด้านหลัง แม่ก็จับความรู้สึกอะไรไม่ได้เลย

เมื่อไหร่ที่หันไปทางด้านข้าง ถีบออกข้าง ก็จับความรู้สึกได้เบาๆ นิดๆหน่อยๆ

สรุปว่าช่วงที่เริ่มรู้สึกลูกดิ้นใหม่ๆ คุณแม่ก็จะรู้บ้างไม่รู้บ้าง ไม่ถือว่าผิดปกติอะไร ลูกในท้องเขาก็ปกติของเขาดีดี เป็นแม่ที่ไม่ดีเองที่จับความรู้สึกไม่ได้ 

ดังนั้นถ้าจะบอกว่าลูกดิ้นกี่ครั้งถึงจะถือว่าปกติ  มันก็บอกยากนะ เพราะคุณแม่แต่ละคนจะรู้สึกไม่เท่ากัน บางคนอ้วน บางคนผอม บางคนทำงานเยอะ บางคนทำงานน้อย ... เอาเป็นว่าที่ผ่านมารู้สึกลูกดิ้นประมาณไหน  ลูกก็ควรจะดิ้นประมาณนั้น สม่ำเสมอ ..

 

ลูกจะดิ้นมากที่สุดตอน 32 สัปดาห์ ช่วงนี้จะมีพื้นที่เยอะ มีที่เหวี่ยงแขนเหวี่ยงขาเยอะ ดิ้นแต่ละทีจะรู้สึกว่ามันกระแทกกระทั้นแรงพอสมควร  แต่พอหลังจากช่วงนี้ไปแล้ว ความแรงจะน้อยลง เพราะตัวเด็กเริ่มใหญ่ขึ้นจนเต็มเนื้อที่ เนื้อที่ในการดิ้นน้อยลง จะรู้สึกแค่เด็กโก่งตัวปูดไปปูดมาไม่กระแทกแรงๆเหมือนเดิม



 

ลูกดิ้นเยอะ ลูกดิ้นดี แม่ก็อุ่นใจ หมอก็สบายใจ เพราะการที่ลูกดิ้นเยอะแปลว่าลูกมีอาหารเลี้ยงดี ออกซิเจนเลี้ยงดี ไม่มีปัญหาอะไร ..แต่ถ้าลูกดิ้นน้อย หรือไม่ดิ้นนี่สิมันเป็นเรื่องที่ทำให้ทั้งคุณแม่ทั้งคุณหมอกังวลใจได้เหมือนกัน   

อย่างแรกอื่นใดต้องมาดูกันก่อนว่ามีเหตุอะไรที่ทำให้ลูกดิ้นน้อยหรือเปล่า เช่น แม่ไปกินยาแก้หวัด ยาลดน้ำมูก ที่กินแล้วง่วงนอน ลูกก็จะหลับตลอด แถมแม่ก็จะง่วงจนจับความรู้สึกลูกดิ้นไม่ได้ เลยทำให้คุณแม่รู้สึกลูกดิ้นน้อยลง หรือ แม่ทำงานมาหนักหนาสาหัส เหนื่อย หรือเจ็บป่วยไม่สบายก็เป็นเหตุทำให้รู้สึกลูกดิ้นน้อยได้เหมือนกัน 

ลูกดิ้นน้อย นอกจากแม่ไปกินยาที่ทำให้ง่วง หรือแม่เหนื่อยพักผ่อนน้อย ก็จะมีความผิดปกติของทารกอื่นๆได้ เช่น ภาวะขาดออกซิเจน การกดทับสายสะดือ สายสะดือพันคอ ภาวะน้ำคร่ำน้อย เด็กเติบโตช้าในครรภ์ 

 

ถ้าคุณแม่รู้สึกว่าลูกดิ้นน้อย ให้คุณแม่หัดนับลูกดิ้น แรกๆอาจจะใช้กระดาษจด แต่พอชำนาญแล้วก็ใช้นับในใจก็ได้ ดิ้นทีก็เหลือบมองนาฬิกาที ก็จะพอกะเวลาได้  ปกติจะนับลูกดิ้นกันตอนหลังรับประทานอาหาร ครั้งละ 1 ชั่วโมง จะนับหลังอาหารเช้าก็ได้ เที่ยงก็ได้ เย็นก็ได้ หรือนับกันทุกมื้อเลยก็ได้สบายใจดี  

ปกติแล้วลูกควรดิ้นมากกว่า 4 ครั้งใน 1 ชั่วโมง 

แต่ถ้าลูกดิ้นน้อยกว่า 4 ครั้ง อาจเป็นไปได้ที่ลูกกำลังหลับอยู่ ให้คุณแม่นับลูกดิ้นต่อไป ถ้าใน 4 ชั่วโมงแล้วเด็กดิ้นไม่ถึง 10 ครั้ง หรือ ดิ้นน้อยลงมากเมื่อเทียบกับวันก่อนๆ ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที อย่ารอจนกระทั่งลูกหยุดดิ้นหรือรอจนถึงวันนัด มิฉะนั้นหากมีความผิดปกติที่รุนแรง ก็จะได้รับการรักษาได้ไม่ทันท่วงที


หากลูกดิ้นน้อย เมื่อไปถึงโรงพยาบาลคุณหมอก็จะซักถามหาสาเหตุ ดูประวัติย้อนหลังหาความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆที่มี เช่น แม่อาจจะเป็นเบาหวาน หรือ ความผิดปกติอะไรก็ได้ที่อาจจะส่งผลถึงสุขภาพทารกในระยะท้ายๆ

คุยกันเรียบร้อยคุณหมอก็มักจะตรวจอุลตร้าซาวด์ต่อ ตรวจดูว่ามีปัญหา น้ำคร่ำน้อย สายสะดือพันคอ หรือเปล่า ตรวจดูการดิ้น การงอการยืดตัว การหายใจการเคลื่อนไหวของทรวงอก เพื่อประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์ ภาษาหมอเขาก็เรียกกันว่า Biophysical Profile 

หากตรวจดูแล้วพบว่ามีความผิดปกติ มีสายสะดือพันคอ มีน้ำคร่ำน้อยลงชัดเจน หรือมีความเสี่ยงอะไรที่ไม่สบายใจ คุณหมอก็จะแนะนำให้คลอดทันที

แต่หากตรวจแล้วทุกอย่างปกติดี ดูแล้วสบายใจ ไม่มีอะไรรีบร้อน คุณหมอก็จะให้กลับบ้าน แนะนำการนับลูกดิ้น  ให้คุณแม่นับ สังเกตุให้ดีอย่างเคร่งครัด แล้วมาตรวจต่อตามนัด

สิ่งสำคัญของเรื่องนี้ก็คือความใส่ใจนะครับ คุณแม่ต้องสังเกตุให้ดี หากดิ้นน้อยก็อย่าได้วางใจ ... ไม่แน่ใจก็ไปหาหมอ  ให้ทุกอย่างปลอดภัยไว้เป็นดีที่สุดครับ/.





ความคิดเห็น