คุณพ่อ..คนสำคัญยามแม่ตั้งครรภ์
ถ้าเรื่องราวของการตั้งครรภ์มีคุณแม่เป็นนางเอกของเรื่องแล้ว คนสำคัญที่ลืมไม่ได้ก็คือ พระเอกของเรื่อง นั่นก็คือ “คุณพ่อ” นั่นเองครับ...
ความสำคัญของคุณพ่อ ทั้งบทบาท หน้าที่ การเตรียมตัวเป็นพ่อ รวมทั้งเมื่อถึงเวลาสำคัญภรรยาสุดที่รักเจ็บท้องคลอด ว่าที่คุณพ่อต้องทำยังไงบ้าง... เห็นไหมครับ ภารกิจของการเป็นพ่อ..มันสำคัญจริงๆ
วางแผนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ...
การเตรียมตัวที่ดีมักทำให้เมื่อถึงเวลาฉุกเฉินไม่ฉุกละหุกมากเกินไป คุณพ่อหลายๆ คนตอนมาฝากครรภ์เป็นเพื่อนคุณแม่ ดูๆไปท่าก็ดี แต่สุดท้ายหลายคนก็ทีเหลว ...พอเห็นภรรยาเจ็บท้องคลอดคุณสามีหลายๆคนก็เกิดอาการลน ทำอะไรไม่ถูก ทำอะไรก็ดูวุ่นวายไปหมด ...ดังนั้น การเตรียมตัวที่ดีก็จะทำให้ว่าที่คุณพ่อพอจะคาดเดาสถานการณ์ได้ดี จะได้วางแผนเรื่องบ้าน เรื่องงาน เรื่องการเดินทาง เรื่องเงินเรื่องทองเอาไว้ล่วงหน้า ...อย่างที่บอกเตรียมตัวดี วางแผนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
ถ้าเป็นไปได้คุณพ่อไม่ควรพลาดไปเป็นเพื่อนคุณภรรยาทุกครั้งเมื่อคุณหมอนัดตรวจครรภ์ ประโยชน์อันดับแรกคือ คุณพ่อจะได้จดจำเส้นทางที่จะต้องใช้ เส้นทางลัดถ้าจำเป็น โรงพยาบาลอื่นๆ ระหว่างทางเมื่อฉุกเฉิน แล้วลองคำนวณเวลาที่ใช้ในการเดินทางเผื่ออาจเจ็บท้องตอนรถติด ไม่อยากนึกเหมือนกันว่า ถ้าทั้งเจ็บท้อง เจ็บจะแย่อยู่แล้ว แต่ดันต้องมารถติดอยู่กลางถนน มันน่าระทึกแค่ไหน ยิ่งถ้าไม่เคยพาภรรยาไปตรวจเลย เดี๋ยวไปไม่ถูก เลี้ยวผิดเลี้ยวถูก เดี๋ยวอาจจะไปไม่ถึงโรงพยาบาลต้องคลอดกลางทางซะก่อน
แล้วเวลาไปตรวจที่โรงพยาบาล ถ้าเป็นไปได้คุณพ่อควรเข้าไปในห้องตรวจพร้อมๆ กับคุณแม่ด้วยทุกครั้ง ไม่ใช่พาไปตรวจส่งแค่หน้าห้อง แต่ตัวเองไปนั่งแอบดูพยาบาลสวยๆข้างนอก ..ถ้าทำได้คุณพ่อควรเข้าไปด้วยเวลาคุณแม่ไปพบคุณหมอ เวลาคุณหมอแนะนำเรื่องต่างๆ อาการเจ็บเตือน อาการเจ็บจริง อาการที่ควรจะต้องรีบพามาโรงพยาบาล คุณพ่อจะได้เข้าใจ ได้รู้อาการเหล่านี้ด้วย หากมีเรื่องสงสัยอะไรจะได้ซักถามซะให้เรียบร้อย แล้วหากคุณแม่มีอาการผิดปกติ มีภาวะแทรกซ้อน คุณพ่อนี่แหละคนสำคัญที่จะต้องคอยช่วยเหลือดูแล ... คนเราจะรักกัน ก็ดูได้ตอนยามป่วยยามไข้นี่แหละ!
ในรายคุณแม่ที่ตั้งใจจะคลอดธรรมชาติิ ก็คงต้องรอลุ้นให้มีการเจ็บท้องขึ้นเอง แต่จะคลอดวันไหน เวลาไหน เห็นทีจะตอบยาก ที่เหลือก็คงต้องลุ้นกันบ้าง แต่ถ้าดูตามสถิติแล้วโอกาสที่จะคลอดตรงวันที่หมอนัดพอดีก็มีประมาณ 5% โอกาสเกินกำหนดก็ประมาณ 3% โอกาสจะคลอดก่อนวันที่หมอนัดก็มีตั้ง 92% แน่ะ ส่วนมากจะคลอดกันสัปดาห์สุดท้ายนั่นแหละครับ คนที่ท้องแข็งบ่อยๆ มีแนวโน้มที่จะคลอดเร็วกว่ากำหนด ส่วนคนที่ท้องนิ่มเงียบสนิทก็มีแนวโน้มจะอยู่ได้อีกนาน แล้วถ้ายิ่งท้องก่อนๆ คลอดก่อนกำหนด ท้องต่อๆไปก็มีแนวโน้มที่จะคลอดก่อนในเวลาใกล้เคียงกัน บางทีอาจจะก่อนนิดหน่อยด้วยซ้ำ
ที่ต้องบอกกันอีกรอบก็จะได้รู้กำหนดคลอดกันคร่าวๆ จะได้วางแผนเรื่องบ้าน เรื่องงาน เรื่องเงินไว้ล่วงหน้าได้ ช่วงใกล้ๆคลอดจะได้คอยอยู่เฝ้าบ้าน งดตีกอล์ฟ ลดไปผับ เวลาไปไหนต้องรายงานคุณภรรยาทุกระยะ จะได้ตามกันเจอ ..ไม่ใช่ออกจากบ้านไปตอนเช้า กลับมาบ้านตอนเย็น อ้าว..ปรากฏว่าภรรยาเจ็บท้องคลอดลูกออกมาเรียบร้อยแล้ว ..ก็ตอนคลอดตามหาสามีไม่เจอ ไม่รู้ไปหายหัวอยู่แถวไหน
หากมีเรื่องสำคัญ หรือบางเวลาก็มีบ้างที่ต้องไปทำงาน ไปพบลูกค้า ไปโน่นไปนี่ ไม่ได้อยู่เฝ้าคุณแม่ตลอด ก็ต้องมีตัวสำรองที่คอยทำหน้าที่แทนได้ยามฉุกเฉิน ญาติพี่น้องที่บ้านใกล้ๆ เพื่อนบ้านที่พอไหว้วานกันได้ เตรียมหาเบอร์โทรศัพท์เก็บไว้ หากบังเอิญต้องใช้ยามฉุกเฉิน หรือ อย่างน้อยก็ต้องมีเบอร์ของรถพยาบาลโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์อยู่
ตัวอย่างสถานการณ์ที่อาจเป็นเรื่องจริงง ใกล้คลอด แต่คุณพ่อจำเป็นต้องไปสัมนาที่ชะอำ เห็นว่าใกล้ๆไม่น่าจะมีปัญหา แต่คืนนั้น คุณแม่ก็น้ำเดิน เจ็บท้องมากด้วย จะไปโรงพยาบาลเองก็ไปไม่ไหว....คุณพ่อจะรับมือสถานการณ์นี้อย่างไรดีล่ะ?
แต่อย่างไรก็ตาม ตอนที่เจ็บท้อง คนที่คุณแม่คิดถึงมากที่สุดก็คุณพ่อคนเดียวนั่นแหละครับ ยังไงๆ ก็พยายามทำตัวให้ว่างๆ ไว้เป็นดีที่สุด ชีวิตหนึ่งได้มีโอกาสแบบนี้ไม่กี่ครั้งหรอกครับ แล้วที่สำคัญมันเป็นหน้าที่ของว่าที่คุณพ่อ หน้าที่ที่สำคัญที่ควรทำด้วยตัวเอง
ว่าที่คุณพ่อทุกคนก็ควรทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด
“วันที่รอคอย”
อยู่มาวันนึง คุณแม่ยืนทำกับข้าวอยู่ดีๆ ก็เกิดอาการเจ็บท้อง ท้องแข็งเป๊กขึ้นมา เลยต้องหยุดทำกับข้าวเอาไว้กลางคัน มานั่งสบายๆ ดูซิว่าจะเป็นเจ็บท้องคลอดจริงๆ หรือเปล่า... ท้องที่เมื่อตะกี๊แข็ง ตอนนี้ก็แข็งขึ้นมาอีกแล้ว ดูแล้วมันจะแข็งมากขึ้น แข็งถี่ขึ้น แล้วเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย เมื่อดูจนแน่ใจแล้วว่าใช่เจ็บท้องคลอดแน่ๆ อย่างนี้ให้รีบเก็บของไปโรงพยาบาลได้เลย
อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นๆแล้วว่าเตรียมตัวให้ดี ดีกว่าจะมานั่งฉุกละหุกทุลักทุเลกันทีหลัง ..คุณพ่อก็ควรเก็บข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้าแม่ เสื้อผ้าลูก สำหรับใส่กลับบ้าน ของใช้เล็กๆ น้อยๆ เตรียมไว้เรียบร้อย พอถึงเวลาเจ็บท้องเลยไม่ต้องเตรียมอะไรมาก อย่าลืมเตรียมบัตรประจำตัวคนไข้กับใบฝากครรภ์ไปด้วยล่ะ ...ส่วนพวกเอกสาร บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ถ้าเตรียมเอาไว้ด้วยกันก็ดี แต่ส่วนมากกลับมาเอาทีหลังก็ไม่มีปัญหา
เวลาเตรียมตัวตั้งแต่เริ่มเจ็บท้อง เก็บของ อาบน้ำแต่งตัว ก็คงประมาณครึ่งชั่วโมง อย่างมากจริงๆก็ไม่ควรเกินชั่วโมง แล้วก็ไม่ต้องเตรียมตัวแต่งตัวให้มันสวยอะไรมากมาย เสียเวลาเปล่าๆ ไปคลอดลูกนะครับ ไม่ได้ไปงานดินเนอร์ ...คุณแม่บางคนมาฝากครรภ์ ผมด้านหน้าทำเป็นกระบังลมไม่มีกระดิก พอวันคลอดเจ็บท้องมาตอนตีสาม ผมก็ยังเป็นกระบังลมสวยเนี๊ยบเหมือนเดิมเด๊ะ เลยโดนหมอแซว เห็นว่าแค่ผมอย่างเดียวก็หมดเวลาไปครึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว
อาการเจ็บท้องตามปกติแล้วจะค่อยเป็นค่อยไป เจ็บเรื่อยๆ แล้วมากขึ้นทีละนิดทีละหน่อย ไม่ได้อยู่ๆ ก็เจ็บลงไปชักดิ้นชักงอ แล้วก็เบ่งอีกสองทีก็คลอดเหมือนในละครทีวีนะครับ ในท้องแรกกว่าจะคลอด บางทีใช้เวลาตั้ง 8-12 ชั่วโมงนับจากเริ่มเจ็บ ท้องสองก็ใช้เวลาน้อยลงหน่อย ประมาณ 4-6 ชั่วโมง ก็ยังมีเวลาพอที่จะใจเย็นได้บ้าง แต่ไม่ควรปล่อยไว้ให้เจ็บมากๆ หรือน้ำเดินแล้วค่อยออกเดินทางมาโรงพยาบาล เดี๋ยวจะไปไม่ทัน ต้องมาคลอดกันกลางสี่แยกแทน
ตอนนี้ก็มาถึงตอนเดินทางแล้ว รถคันเก่งของคุณพ่อต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ น้ำมันเต็มถังเผื่อไว้เสมอ ไม่ต้องไปแวะเติมน้ำมันกลางทางให้เสียเวลา สภาพรถก็ต้องดี สตาร์ตชึ่งเดียวติด แล้วอย่าลืมเตรียมหาผ้ายางเอาไว้ปูรองนั่งให้คุณแม่ด้วยนะครับ คนจะคลอดลูกน่ะมันจะมีมูก มีเลือด หนักหน่อยก็มีน้ำเดินในรถซะเลย หากรถดีๆ มีเบาะหนังก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่หากเป็นเบาะกำมะหยี่มันจะเลอะเทอะอมน้ำ อีกหน่อยมันก็จะเหม็นอับเป็นด่างเป็นดวง ขี้เกียจต้องมานั่งฟังคุณพ่อบ่นทีหลัง
ระหว่างทางก็ไม่ใช่ตะบี้ตะบันขับอย่างเดียว ใจร้อนมากๆก็อาจเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ ระหว่างทางคุณพ่อก็ควรหันมาดูคุณแม่บ้างเป็นระยะๆ ถ้ายังเจ็บไม่มากก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเจ็บถี่มากๆ จนเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณแม่มีความรู้สึกเหมือนอยากถ่ายอุจจาระขึ้นมา ที่เขาเรียกว่าอยากเบ่งนั่นแหละครับ ถ้ามีอาการที่ว่านี้กลางทาง ก็ต้องคำนวนเวลา คำนวนระยะทางให้ดี ถ้าคิดว่าไปไม่รอดแน่ๆ ก็เล็งหาโรงพยาบาลกลางทางเหมาะๆ สักแห่ง เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลมีมากมาย หาที่ใกล้ๆเข้าไปก่อน ไปถึงมือหมอ ก็ยังดีกว่าคลอดกันเองกลางถนน แต่ถ้าเจ็บท้องไม่มาก มีเวลาเหลือเฟือ ก็ไปให้ถึงมือหมอสูติที่ฝากครรภ์ไว้นั่นแหละ เป็นดีที่สุด
คุณแม่ที่ฝากท้องประจำ หรือฝากท้องพิเศษกับคุณหมออะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องคิดเอาไว้ล่วงหน้าระหว่างเดินทางเลยนะครับว่าไปถึงโรงพยาบาลแล้วจะเจอคุณหมอหรือเปล่า คุณหมอคงไม่ได้กินนอนอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดเป็นแน่ หากเป็นกลางคืน หรือเสาร์-อาทิตย์ คุณหมออาจอยู่บ้าน อาจไปตีกอล์ฟ อาจไปแอบกุ๊กกิ๊กอยู่ที่ไหนก็ได้
เมื่อคุณแม่ไปถึงโรงพยาบาล ก็จะถูกส่งตัวไปห้องคลอด เจ้าหน้าที่ห้องคลอดก็จะรายงานคุณหมอเจ้าของไข้อีกที กว่าคุณหมอจะมาถึงก็คงต้องใช้เวลากันนิดหน่อย แต่ถ้าเป็นท้องสามท้องสี่ เจ็บท้องสองทีก็คลอดแล้ว ตอนจะออกจากบ้าน ก็โทรตามหมอไว้ล่วงหน้าเลย จะได้ไม่เสียเวลาคอยกันไปคอยกันมา...
ในระหว่างที่เจ็บท้องรอคลอด ถ้าทางโรงพยาบาลอนุญาตให้คุณพ่ออยู่เฝ้าเป็นเพื่อนคุณแม่ได้ คุณพ่อก็ควรอยู่เป็นเพื่อน ชวนคุย คอยปลอบใจ ให้กำลังใจตอนมดลูกบีบตัว คอยเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดตาให้สดชื่น การแสดงความรักที่แท้จริงก็ตอนนี้แหละครับ
เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลหลายๆ แห่งให้คุณพ่ออยู่ได้ด้วยระหว่างคลอด โอกาสอย่างนี้ไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ นะครับ คุณพ่อเป็นคนคนเดียวที่คุณแม่คิดถึงมากที่สุด (แต่ผมว่าคิดถึงผม... หมอทำคลอดมากกว่านะครับ) อย่างไรก็ตาม คุณพ่อนี่แหละจะช่วยให้กำลังใจได้ดีที่สุด ทำหน้าที่ของพ่อให้ดีที่สุดในตอนนี้
หมอคลอดลูกอย่างผม ตอนเมียท้อง..ก็พาไปฝากท้องกับอาจารย์รุ่นพี่ที่สนิทกัน ไปนั่งคอยหน้าห้องเหมือนคุณพ่อคุณแม่คนอื่น พาเมียเข้าไปตรวจ ไปนั่งข้างๆเหมือนชาวบ้านธรรมดายังไงยังงั้น ด้วยความที่เราเป็นหมอคลอดลูก ก็เลยอยากรู้ว่า คนเป็นพ่อจริงๆเขารู้สึกกันอย่างไร แล้วตอนลูกสาวของผมคลอด ใครๆ ก็ถามว่า “อ้าวเป็นหมอคลอดลูก..แล้วทำคลอดลูกเองหรือเปล่า” “ทำไมไม่ทำคลอดเองล่ะ” ก็อยากจะบอกว่า บทบาทที่ตัวเองดันเลือกเกิดมาเป็นหมอสูติ ต้องทำคลอดให้ภรรยาคนอื่นทุกวี่ทุกวัน ...ได้เห็นคนที่มีความสุขกับการได้เป็นพ่อ เห็นความตื่นเต้น ดีใจ ภูมิใจ จุดเริ่มต้นของความเป็นพ่อดูแล้วมันน่าประทับใจ แล้วทำไมวันที่ลูกของตัวเองคลอด ถ้าเรามัวแต่ต้องสวมบทบาทเป็นหมอเสียเอง แล้วใครจะทำหน้าที่เป็นพ่อ ใครจะทำหน้าที่สามีล่ะ ใครจะคอยดูแลเมีย คอยให้กำลังใจ ใครจะเช็ดหน้าเช็ดตา แล้วของอย่างนี้ ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้อีกต่างหาก ... ขอเป็นคนธรรมดาอย่างคนอื่นเขาสักวัน ขอเป็นคนที่กำลังจะเป็นพ่อ ขอมีความรู้สึกเหมือนกับคุณพ่อคนอื่นๆ ที่เราเคยทำให้เขามีความสุข …ขอสักครั้งเพื่อเป็นรางวัลชีวิต
โอกาสที่จะได้ทำหน้าที่เป็น “พ่อ” นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของชีวิตลูกมีไม่กี่ครั้งในชีวิตหรอกครับ ...ที่สำคัญ ทำคลอดให้ภรรยาตัวเอง เจ็บนิดหน่อย เดี๋ยวจะนั่งบ่นไปอีกหลายปี เลยให้คนอื่นทำคลอดจะดีกว่า ส่วนตัวเองก็ขอมีโอกาสเป็น “พ่อ” สักครั้งดีกว่าเป็นไหนๆ
ตอนต่อไปเราก็จะพาคุณพ่อเข้าไปในห้องคลอดกัน..แล้วคุณพ่อเตรียมตัวมาดีแล้วหรือยัง?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น