เพศสัมพันธ์ ระหว่างการตั้งครรภ์



เมื่อคุณแม่มาฝากครรภ์ สูติแพทย์ก็จะตรวจครรภ์คุณแม่ ดูแลคุณแม่ แนะนำคุณแม่ทุกอย่าง แล้วที่สำคัญก็ต้องไม่ลืมดูแลสามีข้างตัวด้วย ..ก็เรื่องการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างตั้งครรภ์นั่นเอง วันไหนลืมบอกก็รู้สึกเหมือนเป็นบาปยังไงชอบกล แต่ถึงแม้จะลืม..ก็มีบ่อยๆที่สามีบางคนแอบย่องมาถามตอนเมียไปนั่งคอยรับยาว่า.. “ยุ่งกันได้หรือเปล่าครับ..คุณหมอ??”

 

การมีเพศสัมพันธ์ก็เป็นกิจกรรมที่เป็นกิจวัตรของคู่แต่งงานทุกคน ตอนท้องหากห้ามไม่ให้ยุ่งกันซะเลยก็เหมือนชีวิตมันขาดอะไรไปบางอย่าง ..เหมือนเพิ่งเปิดเทอมกำลังเรียนหนังสืออยู่อย่างสนุกสนาน อยู่ๆมาให้พักการเรียนไปเฉยๆตั้ง 8-9 เดือน ดีไม่ดีเดี๋ยวแอบไปหาที่เรียนที่อื่น แอบเปลี่ยนโรงเรียนไปแล้วจะเป็นเรื่องเสียเปล่าๆ 

แต่ในชีวิตจริงคู่แต่งงานหลายๆคู่ก็ไม่ยอมมีอะไรกันเลยในระหว่างตั้งครรภ์ สาเหตุของเรื่องก็คือ ไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องอย่างว่านี้เพียงพอ ไม่รู้แล้วก็ยังไม่ถามคุณหมอให้เข้าใจ เรื่องแบบนี้บางคนก็อายไม่กล้าที่จะถาม สุดท้ายก็เลยอด..ไปตลอดการตั้งครรภ์ 

หลายๆคู่ก็กลัวทำให้เกิดการแท้ง กลัวการคลอดก่อนกำหนด กลัวไปกระทุ้งโดนลูกหัวบุบ แต่ถ้ามาพิจารณาทางสรีระแล้ว ช่องคลอดกับมดลูกก็มักจะทำมุมตั้งฉากกัน แรงสะเทือนก็จะไม่ได้กระแทกโดนที่ตัวเด็กโดยตรง ลูกคงไม่ได้รู้สึกเหมือนโดนท่อนไม้ทุบหัวหรอกครับ จะรู้สึกเหมือนแกว่งไปแกว่งมาตามจังหวะเหมือนนั่งเก้าอี้โยกมากกว่า




บ้านเราก็มีความเชื่อเรื่องไม่ให้ยุ่งกันเหมือนกัน กลัวโน่นกลัวนี่ แต่ความเชื่อแต่ละที่นั้นก็ไม่เหมือนกัน เชื่อหรือไม่ว่าแถวหมู่เกาะทะเลใต้ ตรงไหนก็ไม่รู้ ตอนเมียท้องสามีก็ต้องอดหลับอดนอนพยายามมีเพศสัมพันธ์ตลอดการตั้งครรภ์ไม่มีขาด เพราะเชื่อว่า น้ำอสุจิเป็นอาหารสำหรับทารกในครรภ์ ไม่ใส่อาหารเข้าไปเดี๋ยวเด็กมันจไม่โต ...นี่ถ้าอยู่บ้านเรา คงเรียกว่า ใส่น้ำเข้าไปต่อแขนต่อขาล่ะมั๊ง

 

ผู้หญิงเราจากสาวสวยอ้อนเอ้น มีทรวดทรงองค์เอว พอตั้งครรภ์ทรวดทรงก็จะเปลี่ยนไป ความรู้สึกทางเพศในแต่ละช่วงของการตั้งครรภ์ก็เปลี่ยนไปด้วย แล้วเรื่องอย่างว่าก็เป็นเรื่องสำคัญของชีวิตซะด้วย วันนี้เราก็เลยต้องมาสาธยายกันว่าการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย และการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ จะมีผลอะไรกับเรื่องอย่างว่าบ้าง

 

ตอนท้องอ่อนๆคุณแม่หลายคนก็มักจะมีอาการแพ้ท้อง ร่างกายอ่อนเพลียไม่มีแรง ขี้เกียจมากกว่าปกติ ถ้าให้นอนก็นอนได้ทั้งวัน ให้นั่งก็ไม่อยากจะลุกไปไหน แถมตอนเย็นๆค่ำๆ ก็เหมือนมีไข้ต่ำๆ ทำอะไรก็ดูเนือยๆเซ็งๆไปหมด ถ้าคุณแม่แพ้ท้องออกอย่างนี้ไม่ต้องไปสะกิดไปเล้าโลมให้ยาก แค่เอาตัวให้รอดก็แย่อยู่แล้ว แล้วจะเอาแรงที่ไหนมาทำอะไรได้ ดีไม่ดีเดี๋ยวได้กลิ่นอะไรคาวๆขึ้นมา เดี๋ยวจะมาอาเจียนเลอะเทอะเต็มเตียงให้หมดอารมณ์เปล่าๆ

 

แต่สำหรับคุณแม่ที่กินได้สบายดี ไม่มีอาการอะไรผิดปกติเลย อย่างนี้ก็สบายไป สามารถมีอะไรกันได้ตามปกติ ซึ่งช่วงนี้ทรวดทรงองค์เอวของว่าที่คุณแม่ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ น้ำหนักก็ยังไม่ขึ้น ช่วงนี้ก็เลยทำอะไรกันได้ทุกท่า แต่ก็มีหลักทั่วไปอยู่ว่า อย่าหักโหม อย่ารุนแรงมากเกินไป ทำเบาๆนิ่มนวลค่อยเป็นค่อยไป หลีกเลี่ยงการให้ฝ่ายหญิงออกแรง หลีกเลี่ยงการกดน้ำหนักลงบนท้องน้อย ..

ช่วงท้องไตรมาสแรก ก็จำไว้ง่ายๆก็แล้วกันว่า...หุ่นยังให้แต่ใจไม่รัก! 


มาถึงช่วงที่สองของการตั้งครรภ์ อาการแพ้ท้อง อ่อยเพลีย ไม่มีแรง เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ความต้องการทางเพศของผู้หญิงเราก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆตอนไตรมาสมที่สองนี้เองครับ แถมตอนท้องฮอร์โมนเพศก็จะมากกว่าปกติเป็นร้อยเท่า อุ้งเชิงกรานก็มีเลือดมาเลี้ยงเพิ่มขึ้น อวัยวะเพศก็จะบวมเป่งอวบอูมขึ้น มีน้ำหล่อลื่นมากขึ้น ไวต่อความรู้สึกมากขึ้น ถึงจุดสุดยอดได้ง่ายกว่าปกติ หลายครั้งกว่าปกติ จนผู้หญิงหลายๆคนคงแอบบ่นว่า ไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อนเลย 

ฝ่ายสามีก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน เพราะเมื่อท้องโตขึ้น อะไรอย่างอื่นมันก็ต้องโตขึ้นตามไปด้วย จากคนที่เต้านมเล็กจิ๊ดเดียวเท่าฝาขนมครก ตอนท้องนี่แหล่ะมันก็จะพองโตขึ้นมาให้สามีเขาได้ภูมิใจบ้าง ส่วนคนที่พอมีอยู่บ้าง ตอนท้องมันก็จะบึ้บ สุดเอ๊กซ์เซ็กซี่ เจอหน้าสามีแล้วปิดๆเอาไว้หน่อย เดี๋ยวจะอดใจไว้ไม่ไหว 

ช่วงท้องกลางๆทรวดทรงองค์เอวก็ยังไม่มีปัญหาอะไร แต่พอท้องสัก 5 เดือนขึ้นไป ท้องก็เริ่มออกมาเกะกะ อุ้ยอ้ายพอสมควรแล้ว การใช้ท่าปกติก็อาจจะไม่ดีนัก ก็ควรใช้ท่าที่ไม่เอาลูกมาเกะกะอยู่ตรงกลางระหว่างเราสองคน คือให้ใช้ท่าตะแคงข้างหรือไม่ก็เข้าทางด้านหลังไปเลยน่าจะดีกว่า 

ช่วงท้องไตรมาสที่สอง จำไว้เลยว่า หุ่นก็ให้ ใจก็รัก ..สุดยอดรสชาดใหม่ของชีวิต..

 

มาถึงท้องไตรมาสสุดท้าย ขนาดของครรภ์ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเยอะ ตัวก็หนักขึ้น อุ้ยอ้ายขึ้น ทำอะไรก็จะรู้สึกเหนื่อยง่าย ขนาดนอนเฉยๆยังเหนื่อยเลย เพราะมดลูกที่โตขึ้นจะกดเบียดทำให้ปอดเล็กลงยิ่งนอนหงายก็ยิ่งเหนื่อย แถมบางทีก็จะมีอาการมดลูกบีบแข็งตัวบ่อยๆ ยิ่งท้องแก่ก็ยิ่งกลัว ยิ่งกังวลเกี่ยวกับการคลอด ความต้องการทางเพศของผู้หญิงก็เลยลดลงอย่างมากในช่วงท้ายๆของการตั้งครรภ์

 

สิ่งผิดปกติในระหว่างการตั้งครรภ์โดยมากแล้วก็มักจะเกิดตอนช่วงท้ายๆของการตั้งครรภ์ ในคุณแม่ที่มีการบีบตัวของมดลูกบ่อยๆ มีการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด มีประวัติการคลอดก่อนกำหนดในครรภ์ที่แล้ว คุณแม่เหล่านี่คุณหมอก็มักจะแนะนำให้งดการมีเพศสัมพันธ์ไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย แต่ก็อย่างที่ว่าแหละครับ ..ของอย่างนี้บางทียิ่งห้ามมันก็ยิ่งอยากเสียทุกที ดังนั้นหากจำเป็นต้องแอบมีอะไรกัน ก็พยายามอย่าใส่เข้าไปลึกจนสุดก็แล้วกัน เพราะหากดันเข้าไปลึกๆจนสุดก็อาจไปขยาย กระตุ้นบริเวณปากมดลูกจนเกิดการเจ็บครรภ์ได้ แล้วควรใส่ถุงยางอนามัยเอาไว้ด้วย หรือ หลีกเลี่ยงการปล่อยน้ำอสุจิเข้าไปภายในช่องคลอดด้วย ไม่ได้กลัวว่าจะท้องนะครับ เพราะยังไงมันก็ท้องอยู่แล้ว แต่ เพราะในน้ำอสุจินั้นมีสารชนิดหนึ่ง ชื่อว่า โพรสต้าแกลนดิน ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกันยาที่ใช้เหน็บช่องคลอดเวลาเร่งคลอด ..ปกติตอนท้องผู้หญิงก็จะถึงจุดสุดยอดได้ง่ายกว่าปกติอยู่แล้ว เวลาถึงจุดสุดยอดมดลูกก็จะมีการบีบตัวเป็นพักๆ แต่ก็สักประเดี๋ยวประด๋าวไม่นานนัก แต่น้ำอสุจิที่มีสารโพรสต้าแกลนดินที่ว่านี้หากสามีปล่อยมันเข้าไปด้วยก็จะยิ่งเสริมทำให้มดลูกบีบตัวมากยิ่งขึ้นอีกต่างหาก ...ถ้าไม่อยากคลอดก่อนกำหนดก็ระวังไว้หน่อยก็แล้วกัน..เดี๋ยวคุณหมอเขาจะว่าเอา

 

แล้วในระหว่างการตั้งครรภ์เต้านมของผู้หญิงเราก็จะขยายขนาดโตขึ้นกว่าเดิม แล้วผู้ชายไม่ว่าคนไหนก็ชอบแบบโตๆอย่างนี้ซะด้วย เห็นแล้วตื่นตาตื่นใจก็อดที่จะซุกซนไม่ได้ ... ก็ต้องบอกคุณสามีเอาไว้ก่อนว่า การกระตุ้นเต้านม โดยเฉพาะบริเวณหัวนมจะทำให้เกิดการบีบตัวของมดลูกได้ ลักษณะเหมือนตอนที่ลูกกินนมแม่ก็จะทำให้มดลูกมันบีบตัวเข้าอู่ ยังไงยังงั้นเลยครับ ถ้าเป็นกรณีนี้หากสามีไม่คุมกำหนัดเบามือลงหน่อย คงต้องคลอดก่อนกำหนดเป็นแน่แท้ นี่ถ้าห้ามแล้วไม่ฟัง อดใจไม่ไหวจริงๆ ก่อนมีอะไรกันคงต้องให้เอาพลาสเตอร์ปิดทับจุกนมเอาไว้ก่อน ....กันซุกซน

 

ในบางกรณีเพศสัมพันธ์อาจเป็นเรื่องต้องห้ามในระหว่างการตั้งครรภ์ก็ได้ คุณแม่บางคนอาจมีปัญหาเรื่องเลือดออกทางช่องคลอดในระหว่างการตั้งครรภ์ ถ้าเกิดขึ้นในช่วงท้องอ่อนๆก็เรียกว่าภาวะแท้งคุกคาม ซึ่งก็อาจจะมีสาเหตุมาจากรกลอกตัว หรือรกเกาะไม่แน่น การมีเพศสัมพันธ์ ก็อาจกระแทกกระเทือน ทำให้เลือดออกมากขึ้น สุดท้ายอาจนำไปสู่การแท้งได้ แต่ถ้าหากเลือดออกนั้นเกิดขึ้นเมื่ออายุครรภ์มากแล้ว และตรวจพบว่ามีภาวะรกเกาะต่ำ..คราวนี้ก็เรื่องใหญ่เลยครับ คุณหมอ ก็จะสั่งห้ามยุ่งกันเป็นอันขาดทันที โดยไม่มีข้อแม้ ... แอบหน่อยนึงก็ไม่ได้ ใส่ครึ่งเดียวก็ไม่ได้ การมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้มีเลือดทะลักตามออกมา แล้วก็มักจะออกมากๆๆๆซึ่งก็ต้องรีบผ่าตัดคลอดทันทีไม่ว่าจะอายุครรภ์เท่าไหร่ แล้วถ้าหากเสียเลือดมากก็อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ...ซีเรียสนะเนี่ย!!

 

ในบางรายที่คุณแม่ก็อาจมีปัญหาภาวะแทรกซ้อนบางอย่างในระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หนักสุดก็พวกครรภ์เป็นพิษ โรคพวกนี้คุณแม่จะมีความดันโลหิตสูง เหนื่อยง่าย ถ้าหากความดันสูงมากก็จะชัก หรือมีเส้นเลือดแตกในสมองได้ ดังนั้นหากคุณหมอบอกว่าคุณแม่มีความดันโลหิตสูง หรือมีครรภ์เป็นพิษ ก็ควรให้งดมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากแค่ทำอะไรเหนื่อยนิดเดียวความดันโลหิตก็อาจจะสูงขึ้นมากก็ได้ ยิ่งตอนเธอถึงจุดสุดยอดถึงสวรรค์ชั้นเจ็ด ความดันจะสูงปรี๊ด ไปฟื้นอีกทีก็คงอยู่บนสวรรค์จริงๆเป็นแน่!!

 

ในคุณแม่บางคนที่ท้องอาจจะแก่มากจนเลยกำหนดไปแล้ว รอแล้วรออีกก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีการเจ็บท้องคลอดสักที การมีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะการกระตุ้นบริเวณหัวนมก็จะช่วยกระตุ้นให้เกิดเกิดการเจ็บครรภ์คลอดได้ด้วย ..จะมามีประโยชน์ก็นาทีสุดท้ายนี่แหละ

 

สุดท้าย ก็คงมีหลายคนถามว่า จะยุ่งกันได้จนถึงเมื่อไหร่....ปกติตอนท้องแก่มากๆจะเดินจะนั่งจะนอน ยังไม่ค่อยจะไหวเลย แต่บางทีสถานการณ์ก็พาไป แล้วคุณแม่ก็ไม่มีปัญหาสุขภาพอะไรที่น่าเป็นห่วงก็สามารถมีเพศสัมพันธ์กันได้จนนาทีสุดท้าย เคยอ่านเจอว่า ตราบใดที่ยังไม่มีน้ำเดินก็ยังยุ่งกันได้อยู่ ...

 

ถ้าเจ็บท้องคลอด หรือมีน้ำเดินก็ต้องหยุดทุกอย่าง ...หลังคลอด 6 สัปดาห์ถึงกลับมามีอะไรกันได้อีกครั้งช่วงว่างๆก็ช่วยเลี้ยงลูกกันไปก่อนก็แล้วกัน..

 

คราวนี้ก็มาเรื่องสำคัญ ก็คือเรื่องท่าว่าจะใช่ท่าไหนดี ซึ่งก็มีหลักการง่ายๆว่า

 

· ให้ฝ่ายหญิงออกแรงน้อยสุด เหนื่อยน้อยที่สุด 

· ไม่มีแรงกดทับที่หน้าท้อง หรือมีน้อยสุดเท่าที่จะทำได้ 

· สอดใส่อย่าให้ลึกมากจนชนกระแทกบริเวณปากมดลูก 

· ทำด้วยความนุ่มนวลค่อยเป็นค่อยไป ใจเย็นๆ




มาเริ่มกันเลยดีกว่า 

1. Missionary Position ท่ามิชชันนารีเป็นท่าเริ่มต้นมาตราฐาน นึกอะไรไม่ออกก็เอาท่านี้ไว้ก่อน ท่านี้ฝ่ายหญิงจะนอนหงายราบ แยกขาสองข้างออกจากกันให้มีพื้นที่ตรงกลางในการทำกิจกรรม ฝ่ายชายอยู่ด้านบน โดยผู้ชายสามารถควบคุมมุมยิงได้ จะนอนทาบแนบกับฝ่ายหญิงก็ได้ หรือ ตั้งตัวตั้งฉากก็ได้ แต่ในระหว่างการตั้งครรภ์ ก็ควรหลีกเลี่ยงการทาบทับน้ำหนักลงบนฝ่ายหญิง เพราะอาจกดทับบริเวณท้องน้อยเป็นอันตรายต่อครรภ์ได้ ให้ชันตัวตั้งตรงขึ้นดีกว่า แล้วท่านี้ปกติก็จะสามารถเข้าไปได้ลึกมาก ดังนั้นฝ่ายชายก็อย่ามัวเพลินใส่จนสุดตามความเคยชิน การชนโดนปากมดลูกโดยตรงอาจทำให้เลือดออก หรือเจ็บท้องคลอดได้ง่าย 

ท่านี้เหมาะกับตอนตั้งครรภ์อ่อนๆ ท้องไม่ใหญ่มาก ผู้หญิงสบายหน่อยไม่ต้องออกแรง ถ้าท้องแก่นอนหงายแล้วจะอึดอัดหายใจไม่ออก แถมท้องยังเกะกะ ทำอะไรไม่สะดวกเสียอีก อย่างไรก็ตามท่านี้ ง่าย สะดวก ใช้กันมากที่สุดเลยเอามาไว้เป็นข้อแรก

 

2. Knee-Chest Position ผู้หญิงคว่ำหน้าลงกับเตียง มียันพื้น ขาคุกเข่า อ้าขาออกเล็กน้อย เหมือนท่าหมาคลาน ภาษาชาวบ้านจะเรียกว่า เข้าทางด้านหลัง ท่านี้ใช้ได้ตั้งแต่ท้องอ่อนยันท้องแก่ เพราะท้องมันจะห้อยโตงเตงอยู่ข้างล่าง ฝ่ายชายยืนประกบทางด้านหลังโดยที่ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักกดทับตรงไหนเลย ท่านี้ผู้หญิงออกแรงน้อย สบายหน่อย ถ้าผู้ชายเป็นสิงห์ปืนไวก็ไม่ค่อยเมื่อยเท่าไหร่ แต่หากเป็นสิงห์ปืนฝืด ก็คงจะเมื่อยน่าดู ..เอาเป็นว่าเมื่อยก็เปลี่ยนไปลองท่าอื่นบ้างก็แล้วกัน.. 

ในช่วงหลังคลอด หากคลอดเองทางช่องคลอด การมีเพศสัมพันธ์ท่านี้ก็จะทำให้ไม่รู้สึกเจ็บแผลมาก เพราะจะมีการเสียดสีที่ผนังทางด้านหน้าของช่องคลอดมากกว่า หากใช้ท่ามิชชันนารีจะเสียดสีทางผนังด้านหลังตรงฝีเย็บ ..มันเจ็บจริงๆนะ จะบอกให้ 

 

3. Spoon And Fork เป็นท่าที่ทั้งหญิงและฝ่ายชายนอนตะแคง แล้วสอดใส่เข้าจากทางด้านหลัง

 ดูๆแล้วก็คล้ายๆกับท่าที่แล้ว เพียงแต่ล้มตะแคงลงกับเตียงทั้งคู่ ผู้หญิงแทบไม่ต้องออกแรงเลย แรงกดทับก็น้อย แต่ฝ่ายชายลำบากนิดหน่อย เพราะเคลื่อนไหวลำบาก เข้าได้ไม่ลึก ท่านี้เลยค่อนข้างปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ใช้ได้ตั้งแต่ท้องอ่อนยันท้องแก่ หนังสือหลายๆเล่มเลยยกให้ท่านี้เป็น Best Recommended

 

4. Side by side ท่านี้ก็นอนตะแคงกับเตียงทั้งคู่ คล้ายๆท่าช้อนกับส้อม แต่ท่านี้กับหันหน้าหากันทำท่าเหมือนกรรไกร บางทีเลยเรียกว่าท่า Scissors คนที่ดูมวยปล้ำ ท่านี้ก็เหมือนกันท่า Scissors Lock ยังไงยังงั้น ท่านี้ก็ใช้ได้ตั้งแต่ท้องอ่อนยันท้องแก่ แต่ตอนท้องแก่อาจจะติดพุงเกะกะบ้าง แต่ก็ดีที่ออกแรงน้อย แรงกดทับน้อย แต่ผู้ชายก็เคลื่อนไหวลำบากนิดหน่อยเหมือนท่าที่แล้ว 


5.Woman on top ท่านี้ฝ่ายชายนอนหงาย ฝ่ายหญิงคล่อมทับด้านบน ผู้หญิงเป็นคนออกแรง ฝ่ายชายนอนบิดขี้เกียจสบาย ผู้หญิงจะสามารถควบคุมทุกอย่าง ทั้งจังหวะ ความแรง มุมสัมผัส สามารถตอบสนองความต้องการของผู้หญิงได้ดั่งใจที่สุด ถึงจุดสุดยอดได้ง่ายที่สุด แต่ก็ใช้ได้ตอนท้องอ่อนๆ หรือขนาดท้องยังไม่ใหญ่เท่านั้น ท่านี้คุณแม่จะเหนื่อยมากหน่อย ยิ่งท้องใหญก็ยิ่งเหนื่อย มดลูกจะแกว่งขึ้นลงมาก เกิดการเจ็บครรภ์ได้ง่าย ถ้าหากมีเพศสัมพันธ์แล้วฝ่ายหญิงชอบมาจบที่ท่านี้ แสดงว่าผู้ชายก็ต้องพิจารณาตัวเองแล้วครับ ว่าทำไมถึงทำได้ไม่ถึงใจเธอ


6. Edge of the bed ฝ่ายหญิงจะนอนหงายที่ปลายเตียง ขาทั้งสองห้อยวางลงกับพื้น แยกขาออก ฝ่ายชายคุกเข่ากับพื้นหันหน้าเข้าหาเตียง สอดใส่ทางด้านหน้า ท่านี้ผู้หญิงนอนสบาย ออกแรงน้อย แรงกดทับน้อย แต่ฝ่ายชายจะเคลื่อนไหวได้อิสระ ทำให้อาจจะกระทบกระทั่งแรงกว่าท่าอื่นๆ ในกรณีที่ฝ่ายหญิงชันตัวขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอน ก็จะเรียกว่าท่า Armchair Position 

 

7.T-Square ท่าที่ผู้หญิงครึ่งนั่งครึ่งนอนพิงพนักเตียงและชันขาขึ้นแยกหัวเข่าออกจากกัน ฝ่ายผู้ชายนอนตะแคงกับเตียง ลำตัวตั้งฉากกับฝ่ายหญิง ทำมุมเป็นรูปตัว T ท่านี้ผูหญิงก็ไม่ต้องออกแรงมาก แรงกดทับก็น้อย แต่ผู้ชายก็เคลื่อนไหวลำบากนิดหน่อย

 

ท่าต่างๆที่เอามาให้ดูนี้เขาก็เรียกกันว่า 7 ท่ามาตราฐาน เลือกใช้ได้แล้วแต่สถานการณ์ บางคนกว่าจะเสร็จก็ใช้จนหมดทุกท่า ถ้ามียี่สิบท่าก็คงทำหมดทุกท่า แต่บางคนทำได้แค่ท่าเดียวก็เรียบร้อยซะแล้ว บางคนก็ถนัดท่านี้ ไม่ชอบท่าโน้น จะชอบแบบไหนก็แล้วแต่คนแล้วแต่คู่ 

การมีเพศสัมพันธ์ มันเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกของความรัก แม้ว่าตั้งครรภ์อยู่ ความรักต่อกันก็ไม่ได้จืดจาง อาจจะมากกว่าเก่าด้วยซ้ำ ดังนั้นหากไม่มีข้อห้ามอะไร ก็ไม่ควรพลาด ...หลายคนบอกมา ว่ามันรู้สึกดีกว่าตอนไม่ท้องเสียอีก... ไม่ลองไม่รู้นะ!! 






ความคิดเห็น