พาหูรูดไปเข้าฟิตเนส

 



เรื่องนี้ก็เขียนขึ้นมาเพื่อคุณแม่ที่คลอดเองโดยเฉพาะ แต่คุณแม่ที่ผ่าตัดคลอดจะอ่านจะลองทำดูบ้างก็ไม่ว่า คุณแม่ที่คลอดเอง เบ่งลูกออกมาทางช่องคลอด ช่องคลอดก็ต้องยืดขยายกว้างขึ้นกว่าเดิมบ้าง แต่ก็ไม่มีรอยแผลผ่าตัดที่หน้าท้อง ส่วนคุณแม่ที่ผ่าตัดคลอดก็ต้องมีรอยแผลผ่าตัดคลอด แต่ช่องคลอดก็ยังเหมือนเดิม ได้อย่างก็เสียอย่าง …แต่คลอดเองก็ใช่ว่าช่องคลอดมันจะยืดแล้วยืดเลยซะที่ไหน ช่องคลอดมันมีกล้ามเนื้อที่สามารถฝึก สามารถฟิต ให้กลับเล็กเข้าที่ ให้เล็กกว่าเดิม ให้แน่นกว่าเดิมยังไงก็ได้แล้วแต่ใจเรา ...ใครอ่านตอนนี้จบ แล้วทำดู...ทำอย่างจริงจัง แล้วจะตกใจว่า หลังคลอดแล้ว ความสาวของเราสามารถกลับมาเป็นสาวได้ดียิ่งกว่าเดิมเสียอีก

 

หลังคลอดคุณแม่หลายคนก็ทนดูหุ่นของตัวเองไม่ได้ นอกจากให้ลูกกินนมแม่อย่างแข็งขันแล้ว คุณแม่หลายคนก็ทั้งคุมอาหาร ทั้งออกกำลังกาย เสียเงินเสียทองไปเข้าฟิตเนส จนสุดท้าย 3 เดือนต่อมา หุ่นคุณแม่คนเดิมก็กลับมาอย่างน่าภาคภูมิใจ ระหว่างที่กำลังภูมิใจกับหุ่นเล็กเรียวเพรียวลมก็ไม่รู้ไปดมกลิ่นอะไรเข้าไป แล้วก็...!!!ฮัดเช้ย!!! เกิดอะไรขึ้น อยู่ๆก็มีน้ำอะไรก็ไม่รู้ไหลเล็ดออกมาตามหน้าขา มีหยดแหมะๆลงบนพื้นด้วย สงสัยปัสสาวะมันคงจะเล็ดออกมาตอนจามนั่นเอง ถึงตอนนี้ถึงได้รู้ว่า เข้าๆออกๆฟิตเนสอยู่ทุกวัน แต่ก็ลืมพาหูรูดมาเข้าฟิตเนสด้วย

 

ส่วนนึงของร่างกายที่เรามักไม่ค่อยนึกถึงกัน…แล้วส่วนนี้มันก็็สำคัญเสียด้วย เป็นส่วนของร่างกายที่เราดูแลหวงแหนมันมากที่สุด แต่ถึงเวลาลืม เราก็ลืมส่วนนี้ไปหน้าตาเฉย…ส่วนที่ว่านี้ก็คือ “ช่องคลอด และ กระบังลม” นั่นเอง

 

พอเอ่ยถึงช่องคลอด แม้มันจะเป็นของลับ แต่มันก็ไม่ใช่ความลับ เพราะใครๆก็รู้ว่ามันอยู่ที่ตรงไหนของร่ายกาย ...แต่พอพูดถึงกระบังลม จะหาให้ใครมาชี้มาบอกว่ามันอยู่ตรงไหน ก็แทบไม่มีใครรู้จัก ที่จริงแล้วมันก็อยู่เหนือของลับขึ้นไปนิดเดียวเท่านั้นเอง กระบังลมนั้นก็เป็นกลุ่มของกล้ามเนื้อหน้าตาเหมือนเปลทำหน้าที่โอบอุ้มรองรับน้ำหนักอวัยวะต่างๆภายในช่องท้อง โดยมีรูทางออกอยู่ตรงกลางเป็นหูรูดของช่องทวารต่างๆ ทั้งช่องปัสสาวะ ช่องคลอด และช่องทวารหนัก กระบังลมจะทำหน้าที่เป็นหูรูดจะทำให้เราสามารถขมิบอั้นปัสสาวะ อั้นอุจจาระได้

 


มดลูกจะตั้งวางอยู่บนพื้นของกระบังลม โดยมีช่องคลอดทะลุรูตรงกลางของกระบังลมลงมา ตอนที่ยังไม่ท้อง มดลูกก็มีขนาดเท่าไข่ไก่ น้ำหนักของไข่ไก่มันนิดเดียวก็เลยไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่พอมดลูกโตขึ้นเรื่อยๆ จนสามเดือนมดลูกจะมีขนาดเท่ากำปั้น ถึงห้าเดือนขนาดเท่าส้มโอ ชักจะหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้คุณแม่ก็จะรู้สึกถ่วงๆในท้องน้อย ตรงนี้แหละครับที่เรารู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงบนกระบังลม ยิ่งมดลูกโตขึ้นความรู้สึกถ่วงก็มากขึ้น จนท้องแก่เมื่อเด็กเอาหัวลง น้ำหนักเด็ก น้ำหนักมดลูกก็จะกดถ่างหูรูดของกระบังลมให้ขยายออก ยิ่งเดินเยอะ เบ่งเยอะ ก็ยิ่งไปถ่างเยอะ ทำให้คุณแม่รู้สึกเหมือนจะมีอะไรจะไหลออกมา รู้สึกเจ็บเข้าไปในช่องคลอดลึกๆ หูรูดมันก็จะพยายามเกร็งรัดตัวเองเอาไว้เพื่อสู้กับน้ำหนักมดลูกที่กดลงมา คุณแม่บางคนก็เลยรู้สึกเมื่อยๆล้าๆในอุ้งเชิงกราน อาจใช้ภาษาง่ายๆว่า “เมื่อยช่องคลอด” จะบอกใครให้เชื่อได้มั๊ยเนี่ยว่า ช่องคลอดมันก็เมื่อยได้เหมือนกัน!

 

เมื่อถึงเวลาคลอด มดลูกจะมีการบีบรัดตัวดันให้ศีรษะของแทรกผ่านรูหูรูดของกระบังลมออกมา ช่องคลอดที่มีกล้ามเนื้อหูรูดกระบังลมรัดอยู่โดยรอบก็จะขยายมากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่ช่องคลอดของเรามีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. ก็จะค่อยๆขยายกว้างขึ้นๆจนศีรษะของเด็กสามารถมุดลอดผ่านออกมาได้ นั่นคือต้องขยายถึง 10 ซม. นั่นเองครับ ถ้านึกภาพตามก็คงเสียวใส้น่าดูนะครับ ในขณะที่หัวของเด็กกำลังคลอดผ่านออกมาทางช่องคลอด คุณหมอก็จะตัดฝีเย็บเพื่อขยายปากช่องคลอดให้กว้างขึ้น ป้องกันไม่ให้ปากช่องคลอดยืดออกมากเกินไปจนเสียทรง แล้วบางทียืดมากๆมันก็อาจมีการฉีกขาดรุ่งริ่ง เย็บซ่อมให้ตายมันก็ไม่ค่อยสวย

 

การคลอดลูกนี่เองล่ะครับที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กระบังลมมีการยืด หย่อน ยาน หลังคลอดไปแล้ว คุณแม่หลายๆคนอาจมีความรู้สึกว่าตัวมันกลวงๆ ถ่วงๆบริเวณช่องคลอด เวลาไอหรือจามก็จะมีปัสสาวะเล็ดออกมาทางช่องปัสสาวะ บางคนก็รู้สึกเหมือนมีลมออกมาทางช่องคลอด

 


คุณแม่หลายคนก็มักจะบ่นว่า เวลายกของหนักจะมีอาการเจ็บปีกมดลูก นั่นก็เพราะช่องคลอดมันกว้าง กระบังลมมันหย่อน เวลายกของหนัก ซึ่งก็ต้องมีการเบ่งท้องลงไปด้วยทุกครั้ง มดลูกก็จะถูกเบ่งไหลลงมาในช่องคลอด เลยดึงรั้งทำให้ปีกมดลูกสองข้างตึง ก็เลยทำให้เจ็บปีกมดลูกได้ ...ตอนสาวๆ ช่องคลอดยังเล็ก กระบังลมยังไม่หย่อน เวลาเบ่งท้อง มดลูกก็ไม่ไหลลงมาในช่องคลอด ยกของหนักแค่ไหนก็ไม่เคยบ่นว่าเจ็บปีกมดลูกสักที

 

ดังนั้นถ้าใครชอบบ่นว่า “ยกของหนักแล้วปวดท้องน้อย” นั่นแปลว่า คนคนนั้นช่องคลอดกว้าง! ...อย่าเผลอบ่นให้ใครฟังก็แล้วกัน...เดี๋ยวเขารู้หมด

 

คุณแม่หลายคนที่ไม่กล้าคลอดลูกเอง ก็เพราะกลัวว่ากระบังลมมันจะหย่อน ช่องคลอดมันจะพัง ...คลอดลูกแล้วมันจะไม่เหมือนเดิม แล้วเราจะทำอย่างไรดีล่ะ?

 

กระบังลม มันเป็นกล้ามเนื้อ เหมือนตอนเราเล่นกล้าม เบ่งกล้าม ทำยังไงให้กล้ามใหญ่แข็งแรงได้บ้าง


กล้ามเนื้อกระบังลม มองจากภายในช่องท้องลงไป

 

มียาอะไรที่กินแล้วกล้ามใหญ่ กล้ามเนื้อแข็งแรงบ้าง

หรือมียาอะไรที่ทาแล้วกล้ามเนื้อแข็งแรง แน่นปั๋ง

มันไม่มียาที่ว่านี้หรอกครับในโลกนี้ ถ้ามีขาย คนขายคงรวยไปแล้ว 

 

กล้ามจะใหญ่แข็งแรงได้ก็มาจากการบริหารเท่านั้น ยกกล้าม ยกน้ำหนักทุกวัน กล้ามมันก็ใหญ่แข็งแรงเอง ...ช่องคลอด กระบังลมก็เหมือนกัน ไม่มียากินแล้วช่องคลอดเล็ก ไม่มียาที่ทาแล้วช่องคลอดกระชับ เคล็ดลับสำคัญมีอย่างเดียว คือ การบริหารกระบังลมนั่นเอง ถ้าทำอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ สุดท้ายแล้วกล้านเนื้อกระบังลมก็แข็งแรง แน่นปั๋ง ไม่แน่อาจจะดีกว่าสาวๆด้วยซ้ำไป

 

คุณแม่สามารถบริหารกระบังลมได้ทันทีในระยะหลังคลอด หรือถ้าคุณแม่บางคนมีอาการเจ็บแผลก็อาจรอจนกว่าจะหายเจ็บแผลก่อน ซึ่งแค่ 7 วันแผลก็หายเจ็บแล้ว ….การบริหารกระบังลมทำได้โดยขมิบก้น เหมือนกำลังกลั้นอุจจาระ เกร็งให้แน่นค้างไว้สักครู่ แล้วปล่อยให้คลายตัวแล้วขมิบเกร็งใหม่เป็นพักๆ ทำซ้ำๆกันประมาณ 20-30 ครั้งต่อวันเป็นอย่างต่ำ คุณแม่สามารถทำการบริหารกระบังลมได้ทุกเวลาที่ต้องการ ไม่ว่าจะให้นมลูกอยู่ ทำงานบ้าน ทำกับข้าว กำลังขับรถ เรียกว่าแอบทำได้ทุกเวลา ทุกสถานะการณ์ ถ้าไม่แสดงสีหน้าว่ากำลังขมิบก้นอยู่ก็คงไม่มีใครรู้หรอกครับ

 

การขมิบก้น ก็จะเป็นการขมิบช่องคลอดไปในตัว ขมิบช่องคลอดก็เหมือนขมิบก้น ขมิบก้นก็เหมือนขมิบช่องคลอด จะขมิบแยกกันไม่ได้ นั่นก็เพราะกล้ามเนื้อตรงนี้มันถักทอประสานกันเป็นพวงเดียวกัน การบริหารกล้ามเนื้อของกระบังลม กล้ามเนื้อหูรูดที่รัดอยู่รอบๆ ช่องปัสสาวะ ช่องคลอด และช่องทวารหนักจะแข็งแรงตึงตัวขึ้นพร้อมๆกันทั้งหมด ยิ่งบริหารมาก กล้ามเนื้อก็แข็งแรงมาก กระชับมาก รัดได้แน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ผลของการบริหารกระบังลมมักจะเห็นได้ชัดภายใน 3 เดือน บางทีอาจจะดีกว่าตอนก่อนคลอดด้วยซ้ำ …บางทีต้องบอกว่าดีเสียจนสามีแปลกใจ

 

การบริหารกระบังลม จะให้ได้ผลดีอย่างเต็มที่ก็ควรต้องทำภายใน 6 เดือนแรกหลังคลอด ถ้ามาเริ่มบริหารกันหลังจาก 6 เดือนไปแล้วมักจะได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจนัก… แต่อย่างไรก็ตามถ้านึกขึ้นได้เมื่อไหร่จะกี่เดือนกี่ปีไปแล้วก็แล้วแต่ ขอให้บริหารสักหน่อยก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย...จริงมั๊ยครับ

 

คุณแม่หลายคนก็อาจจะบ่นว่า ไม่มีเวลา เลี้ยงลูกก็เหนื่อยแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนมาบริหาร ที่จริงการขมิบก้น บริหารกระบังลม ไม่ได้ใช้เวลาสักนิด ใช้แค่ความมุ่งมั่นตั้งใจเท่านั้นเอง ตอนลูกกินนมแม่ นั่งกันทีเป็นชั่วโมง ช่วงเวลานี้คุณแม่ก็สามารถขมิบไปได้เรื่อยๆ กว่าลูกจะกินนมอิ่ม ก็คงขมิบได้สองสามร้อยครั้งแล้วมั๊ง นั่งดูทีวีอยู่ ก็ดีกว่านั่งอยู่เฉยๆขมิบก้นไปเรื่อยๆจนหนังจบเลยก็ได้ คนไข้ผมบอกว่า ไม่มีเวลาจริ๊งๆจริงๆ ...ก็เลยถามว่าขับรถเองหรือเปล่า เวลาติดไฟแดง ก็ให้นั่งขมิบไปเรื่อยๆจนไฟเขียว ยิ่งสี่แยกไหนไฟแดงนานๆยิ่งชอบ ขมิบกันจนลืมไปเลย จนคันหลังต้องบีบแตรไล่ แล้วการขมิบที่ว่านี้ทำยังไงก็ไม่มีใครรู้ แต่คงต้องฝึกกันกันนานๆหน่อย แรกๆพอขมิบสีหน้าอาจจะดูเกร็งๆบ้าง แต่พอทำไปนานๆเข้า ขมิบแบบหน้าตาย ไม่มีทางที่ใครจะรู้

 

แต่คุณแม่บางคน ให้ขมิบยังไงก็ไม่ยอมขมิบ บอกว่าขมิบไม่เป็น!!! หมออย่างเราเลยงงเต๊กเลยว่าทำไมถึงขมิบไม่เป็น งงจริงๆ สุดท้ายเธอก็บอกว่า ไม่เห็นจะต้องไปขมิบให้ยาก ให้เสียเวลาเลย เดี๋ยวไปรีแพร์แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว ...ในชีวิตจริง ไม่มีอะไรมันง่ายขนาดนั้นหรอกครับ การรีแพร์ก็มีหลายระดับการรีแพร์ครับ รีแพร์ภายนอกก็แค่เย็บหนัง เย็บเยื่อบุให้ชิดให้ปากทางมันแคบลง แต่ไม่ได้เย็บซ่อมกล้ามเนื้อ เย็บเสร็จก็กลับบ้านได้เลย แบบนี้กลับไปเจอหน้าสามีสามทีก็ยืดเหมือนเดิมแล้ว ถ้ารีแพร์ดีขึ้นมาอีกหน่อยก็จะเย็บซ่อมกล้ามเนื้อด้วย แต่ยังไงเนื้อมันก็ยังแห้งๆบางๆเหมือนเดิมวันยังค่ำ ไม่ได้หนาตึงแน่นเหมือนพวกที่บริหารกระบังลมมา แบบนี้เจอหน้าสามีสามสิบทีก็ยืดเหมือนเดิม ไม่จีรังยั่งยืนหรอกครับ สู้การบริหารกระบังลมไม่ได้ เพราะถ้าหากกล้ามเนื้อแข็งแรงอยู่ตัวแล้ว กี่ปีกี่ชาติมันก็ยังแข็งแรงเหมือนเดิม ...แน่นอนกว่า

 

แล้วในรายที่รีแพร์มา มันก็เล็กลงสะใจดี สามีชอบ ดูเขามีความสุข แต่แทนที่เราจะมีความสุขไปกับเขา เรากลับต้องนอนกัดฟันกรอดๆ เพราะการรีแพร์มา บริเวณที่เย็บไว้มันจะแข็งตึง ความรู้สึกจะน้อยลง แถมยังเจ็บตรงบริเวณที่เย็บได้บ่อยๆในขณะที่มีเพศสัมพันธ์

 

การรีแพร์ก็ขอเก็บไว้เป็นทางเลือกสุดท้ายในชีวิตก็แล้วกันนะครับ

 

บริหารร่างกายอาจต้องเข้าฟิตเนส เสียเงินค่าสมาชิก เสียค่าอุปกรณ์ เสียค่าเดินทาง แต่บริหารกระบังลมแสนจะง่ายดายกว่า ทำที่ไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ แถมไม่ต้องใช้เครื่องไม้ เครื่องมืออะไรมากมาย ที่สำคัญคือ “ฟรี” ไม่ต้องเสียตังสักบาท แต่ผลที่ได้นั้นคุ้มแสนคุ้ม ทั้งสำหรับสุขภาพของตัวเอง และความสุขทางเพศทั้งของตัวเองและสามี….

 

ข้อเสียมีอย่างเดียว “รู้ทั้งรู้ แต่ไม่เคยทำ” ข้ออ้างมันเยอะ อ้างโน่นอ้างนี่ ไม่มีเวลา ไม่มีอารมณ์ เลี้ยงลูกเหนื่อยแล้ว ลืมไปแล้ว ทำไม่เป็น รู้สึกว่ามันทำยาก ทำลำบาก ใช้เวลา เสียเวลา มีอีกเยอะที่สรรหามาอ้าง ...พวกนี้พอแก่ตัวเข้าแล้วจะรู้สึก เพราะยิ่งอายุมากกล้ามเนื้อก็ยิ่งปวกเปียก กระบังลมที่หย่อนอยู่แล้ว ก็ยิ่งหย่อนมากกว่าเก่า เวลาไอจามแล้วปัสสาวะก็เล็ด อั้นปัสสาวะก็ไม่อยู่ ที่หนักๆหน่อยมดลูกก็อาจจะรูดหลุดออกมาทั้งอันก็มี เห็นแล้วปลงอนิจจัง

 

เคล็ดลับของเรื่องนี้มีแค่นิดเดียว... มุ่งมั่น และตั้งใจ เท่านั้นเอง 

ว่าแล้วมาเริ่มบริหารกันเลยดีกว่า... เอ้า ขมิบ ขมิบ ขมิบ มิบ มิบ บ บ บ

ความคิดเห็น