ดูแลตัวเองในระยะหลังคลอด

 



หลังจากเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากับการตั้งครรภ์และการคลอดมาตั้งนานทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นกับการที่จะได้เป็นแม่ สุดท้ายก็ได้เป็นแม่สมใจอยาก เห็นลูกออกมาสมบูรณ์แข็งแรงน่ารักความเจ็บความเหนื่อยก็แทบจะหายไปหมดเลยล่ะครับ  หลังคลอดทั้งเหนื่อยทั้งเพลียแต่บางทีก็หลับตาไม่ลง มันดีใจ ภูมิใจ ที่ได้สร้างชีวิตหนึ่งขึ้นมาชีวิตที่อยู่ในท้องเรา ตอนนี้เขาออกมาเป็นลูกของเราอย่างสมบูรณ์แล้วให้เราต้องดูแลเลี้ยงดูเติบโตไปด้วยกัน ....ชีวิตข้างหน้าจะเป็นยังไงบ้างนะ

 

                คุณแม่ส่วนใหญ่ก็คิดถึงแต่เรื่องลูก  จนหลายๆคนก็เกือบลืมที่จะดูแลตัวเองถ้าในช่วงหลังคลอดคุณแม่ฟื้นตัวดี สดชื่นแข็งแรง สุขภาพกายสุขภาพใจดีก็จะสามารถทุ่มเทให้กับเจ้าตัวน้อยได้เต็มที่ แต่ถ้าหากคุณแม่มีปัญหาหลังคลอดแทนที่จะเอาเวลามาดูแลเจ้าตัวน้อยกลับต้องวุ่นวายกับปัญหาของตัวเอง  สุขภาพจิตก็แย่ ...ก็คงเป็นการเริ่มต้นการเป็นแม่ที่ไม่ค่อยดีนัก

 

                การเริ่มต้นที่จะเป็นแม่ที่ดีนั้นก็คงต้องดูแลสุขภาพกายสุขภาพใจของตัวเองให้ดีด้วย  หากเริ่มต้นได้ดีหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรยากหรอกครับ

 

                หลังคลอดใหม่ๆคุณแม่ก็จะยังคงนอนพักที่ห้องคลอดก่อนคอยเฝ้าดูอาการกันก่อนว่าไม่มีตกเลือด ความดันเลือกปกติ แผลไม่บวมไม่มีเลือดคั่งดูจนแน่ใจแล้วก็จะย้ายคุณแม่กลับไปห้องพัก ช่วงนี้มันก็เหนื่อยนะครับ แต่จะให้นอนพักหลับตาก็คงหลับตาไม่ลง ก็มันตื่นเต้น ดีใจภูมิใจที่ได้รู้สึกว่า ตอนนี้ฉันเป็นแม่แล้วนะ ฉันมีลูกแล้วนะมันเป็นความรู้สึกที่แอบปลื้มอยู่ในใจ   ในใจก็มีแต่เรื่องลูก สามียังไม่นึกถึงเลยครับ แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องสนใจดูแลตัวคุณแม่เองด้วย

 

                เริ่มต้นเป็นคุณแม่ที่ดีก็ควรเริ่มต้นที่ตัวคุณแม่เองก่อนครับ มาเริ่มกันตั้งแต่หลังคลอดสดๆเลยดีกว่าครับ

 

                ช่วงหลังคลอดก็จะนอนอยู่โรงพยาบาล2 -3 วัน พักฟื้นจนแข็งแรง แล้วก็หัดเลี้ยงลูกให้คล่องแล้วค่อยกลับบ้านการดูแลตัวเองตอยอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่ยากหรอกครับ หลักง่ายๆก็มีแค่ 4 ข้อ

 

                ข้อแรกสำคัญที่สุดคือต้องไม่มีไข้ตัวร้อนถ้าหากมีไข้ตัวร้อนขึ้นมาก็เป็นต้องอยู่โรงพยาบาลยาวเลยล่ะทีนี้นั่นก็เพราะหากมีไข้ตัวร้อนขึ้นมาก็แสดงว่าอาจมีอะไรอักเสบแอบซ่อนอยู่อาจจะเป็นแผลอักเสบ หรือมดลูกข้างในอักเสบก็ได้ก็อย่ามีไข้เลยก็แล้วกันนะจะได้ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลนาน

 

                ข้อสองปวดมดลูกก็ต้องรู้สึกปวดน้อยลงเรื่อยๆ พอลูกออกจากมดลูกไปแล้ว มดลูกที่โตค้ำลิ้นปี่ก็จะหดตัวเล็กลงเหลืออันเท่าส้มโอแล้วมดลูกมันก็จะบีบตัวเล็กลงเรื่อยๆ ปกติก็จะเล็กลงวันละ1 นิ้วมือ บีบตัวทีก็เล็กลงนิดบีบทีก็ปวดอีกหน่อย เวลาปวดก็จะปวดบีบๆเหมือนปวดประจำเดือนยังไงยังงั้นเลยล่ะแต่จะปวดมากกว่าก็มดลูกมันโตกว่านี่ครับ อาการปวดก็จะลดน้อยลงเรื่อยๆ  สองสามวันก็หายปวดแล้วแต่จะปวดมากขึ้นตอนลูกดูดนม ยิ่งปวดมดลูกก็ยิ่งเล็กลง พุงจะได้ยุบไวๆไงครับ

 

            ข้อสามหลังคลอดก็จะมีน้ำคาวปลาออกมาทางช่องคลอดที่จริงก็ไม่ได้เป็นน้ำจากปลาที่ไหนหรอกครับแต่เป็นเลือดปนน้ำเหลืองที่ซึมออกจากรอยแผลบริเวณที่เคยมีรกเกาะอยู่นั่นแหละ วันแรกน้ำคาวปลาก็จะเป็นสีแดงสดออกประมาณหนึ่งเท่าครึ่งของรอบเดือนวันที่สองก็ยังคงแดงสดอยู่แต่ก็ออกน้อยลงพอๆกับประจำเดือนมาวันแรกวันที่สามยังแดงสดเหมือนเดินแต่น้อยลงเหลือประมาณครึ่งหนึ่งของรอบเดือนหลังจากนั้นก็จะออกจางลง น้อยลงเรื่อยๆ จนสิบวันก็เป็นน้ำเหลืองใสๆแล้วจะหมดสนิทใน 14 วัน อย่างเก่งก็ไม่เกิน 21 วัน

 

                น้ำคาวปลาที่ว่านี้มันก็ต้องออกน้อยลงเรื่อยๆจนหมดนะครับแต่ถ้าหากออกมากขึ้นเรื่อยๆนี่สิมีปัญหา ซึ่งก็มักเป็นการอักเสบของโพรงมดลูกหรือไม่ก็มีเศษรกตกค้างอยู่ข้างใน ..งานนี้สงสัยโดนจับไปขูดมดลูกแน่แต่น้ำคาวปลาก็ไม่ได้ไหลกันต่อเนื่องทั้งวันนะครับ เวลานอนมันจะขังอยู่ในมดลูกแต่พอลุกนั่งหรือยืนนี่สิมันจะไหลพรวดออกมาเป็นก้อนๆเลยล่ะ แต่ถ้ารวมรวมแล้วมันออกน้อยลงเรื่อยๆก็ไม่มีปัญหา

 

ข้อสุดท้ายเจ็บแผลก็ต้องเจ็บน้อยลงเรื่อยๆห้ามเจ็บมากขึ้นเป็นเด็ดขาด เวลาคลอดลูกคุณหมอก็ต้องตัดฝีเย็บกันเป็นส่วนมากนะครับแผลมันจะได้เรียบสวยไม่ฉีกขาดรุ่งริ่งแถมยังช่วยไม่ให้ช่องคลอดมันถูกยืดขยายจนหย่อนยานอีกด้วย  แต่ก็โชคไม่ดีนะครับที่ช่องคลอดอันแสนจะบอบบางต้องมาอยู่ใกล้กับทวารหนักที่เป็นส่วนที่สกปรกที่สุดของร่างกาย แผลฝีเย็บก็จะยิ่งใกล้ทวารหนักไปกันใหญ่ การดูแลฝีเย็บก็เลยต้องดูแลกันให้ดีเป็นพิเศษหน่อยเดี๋ยวของรักของหวงมันอักเสบขึ้นมาทั้งเจ็บทั้งบวมเดินหุบขาไม่ลงกันไปอีกเป็นเดือนหลังคลอดแรกๆก็ทุ่มเทดูแลมันหน่อยก็แล้วกัน เวลาทำความสะอาดก็ต้อง “เช็ดลงล่างทางเดียวทิ้ง”ก็คือต้องเช็ดทำความสะอาดเริ่มจากช่องคลอดแล้วเช็ดลากไปทางทวารหนักทุกครั้งห้ามย้อนศรเด็ดขาด ถ้าเช็ดย้อนขึ้นเชื้อโรคจากทวารหนักก็จะยกโขยงเข้าไปในแผลอีกสองวันก็ได้เรื่องแล้วครับ แล้วไม่ต้องขี้เหนียวนะครับ เช็ดทีเดียวแล้วทิ้งเลยไม่ใช่เช็ดแล้ววนมาเช็ดอีกเรื่อยๆเพราะพอเช็ดแล้วสำลีมันก็สกปรกมีเชื้อโรคเรียบร้อยแล้ว เอามาเช็ดซ้ำแทนที่จะสะอาดกลับกลายเป็นเอาเชื้อโรคเข้าแผลซะนี่

 

                เวลาอาบน้ำหากแผลโดนน้ำก็ไม่มีปัญหาครับล้างด้วยน้ำเปล่าได้โดยให้น้ำรินไหลผ่านนะครับ ห้ามเอาหัวฉีดล้างชำระหรือใช้ฝักบัวล้างโดยตรง เพราะแรงของน้ำก็จะทำให้แผลเปิดแยกออกจากกันได้แถมบางทีกลับทำให้เชื้อโรคเข้าไปสู่ส่วนลึกๆของแผลได้อีกด้วย อาบน้ำเสร็จก็เช็ดให้แห้งใส่ผ้าอนามัยไว้ให้เรียบร้อย

 

ช่วงหลังคลอดก็จะมีน้ำคาวปลาไหลซึมออกมาทางช่องคลอดก็เลยต้องใส่ผ้าอนามัยเอาไว้ตลอด ก็ต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆนะครับให้แผลแห้งๆไว้เป็นดี อย่ามัวแต่ขี้เหนียวใส่ตัวเดียวอันเดียวกันทั้งวันทั้งคืนแผลมันก็จะแฉะชื้นหมักหมม แผลก็จะอักเสบได้ง่ายเหมือนกัน

 

                คุณแม่หลังคลอดก็มักจะบ่นกับหมอเรื่อยเลยครับว่ารู้สึกแผลมันจะตึงๆ  ผมก็เลยต้องบอกคุณแม่ ทุกทีว่า ถ้ารู้สึกว่าตึงๆก็ต้องดีใจนะครับแผลมันตึงก็แปลว่าหมอเค้าเย็บแผลได้กระชับดี ถ้าหากรู้สึกแผลมันหย่อนๆหลวมๆนั่นแหละที่น่าเป็นห่วง คราวนี่ถ้าแผลมันตึงเวลาทำอะไรก็ต้องระวังนิดหน่อยนะครับส่วนมากเวลาอยู่บนเตียงจะให้ลูกกินนมก็มักจะชอบนั่งขัดสมาธิกันนั่งท่านี้ขามันก็จะฉีกแยกออกจากกันเยอะแผลที่ตึงอยู่แล้วก็แทบจะปริแยกออกจากกันเลยล่ะครับ เจ็บแทบตายเลยล่ะก็พยายามนั่งเป็นท่านั่งพับเพียบก็แล้วกัน ดูเรียบร้อยดี แล้วก็ไม่เจ็บด้วย

 

                แต่เวลาเดินกลับไม่ให้เดินหนีบๆนะให้เดินขาแยกออกจากกันเล็กน้อย เดินแบบจิ๊กโก๋ซ่าคับซอยทำนองนั้นแหละ  ก็เพราะแผลมันจะอยู่ตรงกลางระหว่างขาพอดีถ้าเดินหนีบๆแบบนางสาวไทยแผลมันก็จะสีกันเองระบมเดินแยกนิดหน่อยแต่พองามแผลมันจะได้ไม่สีกันระบม  เดินอย่างนี้สัก 7วันจนแผลหายก็พอ เดี๋ยวเดินขาแยกจนเสียนิสัย เดี๋ยวใครเขาจะนึกว่าเป็นฝีมะม่วง

 

                ปกติแผลฝีเย็บนี่จะหายเจ็บค่อนข้างเร็วความเจ็บถ้าวัดกันเป็นตัวเลขได้ก็จะเจ็บน้อยลงวันละ 30 เปอร์เซ็นต์ วันแรกเจ็บ 100วันที่สองเจ็บ 70 วันที่สามเจ็บ 40 วันที่สี่เจ็บ 10 แล้วก็หายเจ็บไปเลยถ้าเจ็บมากขึ้นนี่สิเป็นปัญหา ยิ่งแผลบวม แผลแดงมากขึ้นก็แสดงว่าท่าจะไม่ดีแผลอาจมีการอักเสบเกิดขึ้นแล้ว ต้องรีบให้คุณหมอดูแผลว่ามันจะอักเสบหรือเปล่า

 

                เวลาเจ็บแผลมากๆก็หายาพาราเซตกินกันก่อนนะแต่ถ้ากินยาแล้วไม่ดีขึ้นก็ค่อยเอาผ้าห่อน้ำแข็งมาประคบ มันจะเย็นจนชาคลายปวดได้ดีแต่มันเย็นจนหนาวขนลุกไปทั้งตัวเลยครับ..บรื๋อ..รู้สึกหนาวแทน

 

                ผู้หญิงเราเวลานั่งบริเวณฝีเย็บมันก็จะโดนน้ำหนักตัวทับลงกับพื้นทุกทีเลยทำให้คุณแม่คลอดใหม่ๆนั่งตรงๆไม่ค่อยได้ ต้องคอยตะแคงเอาน้ำหนักลงแก้มก้นซ้ายทีขวาที เวลานั่งพับเพียบก็เลยไม่ค่อยเจ็บแต่ถ้านั่งไม่ถนัดก็หาห่วงยางของเด็กๆอันละไม่กี่สิบบาทมานั่งรองก้นก็ได้เผื่อลูกโตยังเอาไปหัดว่ายน้ำต่อได้

 

                หลังการคลอดลูกไปแล้วคุณแม่หลายคนอาจจะดีใจที่ได้ผ่านบทเรียนของการเป็นแม่บทแรกไปได้แล้วแต่หนทางของการเป็นแม่ยังมีอีกยาวไกลนัก ลูกน้อยจะต้องเติบโต ต้องเรียนรู้ อะไรต่ออะไรอีกมากมาย ...หน้าที่ของแม่ดูเหมือนมันไม่มีที่สิ้นสุด  คุณแม่ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นคุณแม่ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้  ดวงใจพ่อแม่ก็จะขออยู่เป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกคนตลอดไป  ..อ้อแล้วก็อย่าลืมทำหน้าที่ศรีภรรยาที่ดีด้วยนะ หกสัปดาห์หลังคลอดก็สามารถมีอะไรกันได้ตามปกติแล้วครับ

ความคิดเห็น