ริดสีดวงทวาร…เพื่อนสนิทยามตั้งครรภ์

 



เป็นคนท้องก็คงจะต้องลำบากกว่าตอนไม่ท้องเป็นธรรมดา  มีโรคอะไรแอบซ่อนไว้เป็นความลับส่วนตัวมันก็มักที่จะปรากฏอาการออกมามากขึ้นให้เป็นที่น่ารำคาญใจ   โรคที่จะกล่าวถึงตอนนี้ก็ไม่ใช่โรครุนแรงอะไรหรอกครับ เป็นแล้วก็ไม่มีผลต่อสุขภาพของแม่มากนัก และไม่มีผลกระทบไปถึงลูกในครรภ์แต่อย่างใด  แต่แค่อยู่คู่กายติดตัวไปตลอด…รู้สึกมีสิ่งนี้อยู่เคียงข้างตลอดเวลา..บางทีก็ไม่อยากที่จะคิดถึงมันแต่ก็อดไม่ได้สักที..เหมือนเป็นยิ่งกว่าเพื่อนสนิทเสียอีก…..แล้วจะเป็นใครไปได้อีกเล่า  ก็ “ริดสีดวง”ของคุณแม่นั่นเอง

 

ริดสีดวงทวารเป็นภาวะที่พบได้บ่อยทั้งคนปกติและคนที่ตั้งครรภ์    ถ้าหากไม่เคยเป็นมาก่อนเลยก็อาจจะมาเป็นเอาตอนที่ตั้งครรภ์นี้ก็ได้  และถ้าหากเคยเป็นมาก่อนอยู่แล้วก็ยิ่งที่จะเป็นมากขึ้น  ประมาณกันว่าในคณแม่ที่ตั้งครรภ์ 10 คน จะมี 1 คนที่เป็นริดสีดวงทวาร

       



ริดสีดวงทวารเป็นภาวะที่มีการโป่งพองของเส้นเลือดดำใต้ผิวเยื่อบุลำใส้บริเวณทวารหนัก บางครั้งก็พบร่วมกับมีการปลิ้นออกมาของลำใส้ส่วนปลาย ทำให้มีเหมือนก้อนเนื้อโป่งออกมาที่บริเวณทวารหนัก  ถ้าหากเกิดมีอาการท้องผูกมากๆร่วมด้วยจนอุจจาระรวมตัวเป็นก้อนแข็งเป๊กก็อาจจะครูดจนเกิดเลือดออกได้ด้วย  ปกติแล้วถ้าเป็นริดสีดวงทวารไม่มากนักหลังจากถ่ายอุจจาระหมดแล้วก็จะหดกลับเข้าไปได้เองไม่ต้องมาเป็นธุระให้ต้องคอยดันเข้าไป  แต่ถ้าเป็นมากขึ้นจนก้อนบวมเป่ง หรือ นั่งถ่ายนานๆจนเพลินไปหน่อย ก็มักจะไม่ยอมหดเข้าไปเอง ต้องคอยคันเข้าไปให้ทุกครั้ง   ในรายที่เป็นเต็มขั้นโดยเฉพาะในคุณแม่ตั้งครรภ์ริดสีดวงก็มักที่จะโป่งออกมาข้างนอกตลอดไม่สามารถดันเข้าไปข้างในได้  …ให้อยู่ข้างในไม่ยอมอยู่ คงอยากจะออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกบ้างมั้งครับ !

 

การเปลี่ยนแปลงของคุณแม่ในระหว่างการตั้งครรภ์ทั้งหลายแหล่ต่างก็ช่วยส่งเสริมทำให้ริดสีดวงเป็นมากขึ้น  ในช่วงที่เริ่มตั้งครรภ์ เลือดก็จะไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆในอุ้งเชิงกรานมากขึ้น  อีกทั้งฮอร์โมนที่เพิ่มมากขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ก็มีผลทำให้เกิดการขยายตัวของเส้นเลือด  อย่างนี้ก็ยิ่งไปกันใหญ่..เท่านั้นยังไม่พอฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นยังทำให้ลำใส้ทำงานช้าลง  อาหารต่างๆตกค้างอยู่ในลำใส้ได้นานขึ้น  ลำใส้ดูดน้ำกลับเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ทำให้อุจจาระค่อนข้างแข็ง ท้องผูกง่าย  เข้าห้องน้ำถ่ายแต่ละครั้งก็ต้องนั่งนานเป็นชั่วโมง  การนั่งส้วมนานๆ โดยเฉพาะคนที่ชอบเอาหนังสือไปอ่าน เอางานไปทำด้วยตอนถ่าย  การเบ่งถ่ายติดต่อกันนานๆก็จะยิ่งทำให้ริดสีดวงโป่งขยายออกมามากขึ้น

 

ในระหว่างการตั้งครรภ์คุณหมอก็มักจะให้รับประทานยาบำรุงครรภ์ด้วย   ยานี้มีประโยชน์เป็นอย่างมากสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ทุกคน  แต่ก็มีข้อเสียบ้าง คือทำให้ถ่ายอุจจาระออกมามีสีดำ แถมยังมีกลิ่นเหม็นมากกว่าเก่าเสียอีก  แต่ที่สำคัญยังทำให้เกิดอาการท้องผูกได้อีกด้วย

 

ในช่วงครรภ์แก่  ลูกในครรภ์มีขนาดโตขึ้นเยอะ  ท้องของคุณแม่ก็ขยายโตขึ้นจนแน่นไปหมด  แต่เดิมท้องของเราเคยเป็นที่ที่ของกระเพาะอาหาร และ ลำใส้ ตอนนี้ก็ถูกมดลูกเบียดดันขึ้นไปอยู่ใต้หน้าอก ถ้าหากเผลอทานอะไรเข้าไปมากเกินไปก็จะทำให้จุกแน่นหายใจไม่ออก  นอกจากนั้นมดลูกยังกินพื้นที่ไปกดเบียดลำใส้เสียจนแบนแต๊ดแต๋ อาหารไหลผ่านไปได้ยากก็ยิ่งทำให้มีอาการท้องผูกมากขึ้นกว่าเก่า

 

เมื่อใกล้คลอด  ความดันในช่องท้องสูงขึ้นมากจากการขยายตัวจนโตเต็มที่ของมดลูก  ริดสีดวงทวารจึงมักจะถูกดันจนโผล่ออกมาข้างนอก  ยิ่งตอนท้องลดหัวของลูกก็จะเคลื่อนตัวลงต่ำลงไปกดอยู่ที่ด้านในของทวารหนัก  ริดสีดวงจึงเป็นมากขึ้นในช่วงใกล้คลอดนี่เอง

 

ช่วงวิกฤตของริดสีดวง.. ก็คือช่วงเบ่งคลอดนั่นเอง  การเบ่งคลอด ความรู้สึกของคุณแม่ก็คล้ายๆกันกับการเบ่งอุจจาระ  แต่รู้สึกว่าจะต้องเบ่งออกมาก้อนใหญ่กว่าอุจจาระเท่านั้นเอง  การเบ่งคลอดต้องใช้แรงในการเบ่งมหาศาล  ต้องใช้เวลาในการเบ่งค่อนข้างนาน  หัวของลูกก็เบียดดันทวารหนักให้ปลิ้นออกมามากขึ้น  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการคลอดทุกๆอย่าง ก็นับเป็นการทารุณกรรมต่อริดสีดวงอย่างแสนสาหัส   พอการคลอดเสร็จสิ้น ต่างฝ่ายต่างยินดีสำหรับลูกน้อยที่เพิ่งโผล่ออกมาดูโลก……แต่ริดสีดวงคู่ทุกข์คู่ยากที่โผล่ออกมาดูโลกภายนอกพร้อมๆกัน  ดูไม่มีใครมายินดีด้วยเลย  นอกจากนั้นริสีดวงที่เกิดขึ้นในระยะหลังคลอดก็มักจะทำให้เกิดความเจ็บปวดได้บ่อยๆ   เจ็บแผลฝีเย็บหลังคลอดไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บริดสีดวงนี่มันทรมาณจริงๆนะ  จะนั่งก็จะไม่ค่อนถนัด ต้องตะแคงก้นนั่ง ขวาบ้าง ซ้ายบ้างสลับกันไป  ไปเยี่ยมหลังคลอดรู้เลยล่ะครับ ถ้าเห็นคุณแม่นั่งบิดๆ ตะแคงขวาตะแคงซ้าย แน่ใจได้เลยครับว่า มีริดสีดวงแถมมาให้ด้วยตอนคลอด  คุณแม่หลายๆคนก็ต้องมาบ่นอยู่เสมอว่า  หมอมาแถมริดสีดวงมาให้ด้วยทำไม   …..อันนี้ก็ต้องขอสารภาพเอาไว้ก่อนนะครับว่าตอนคลอด  หมอทำคลอดทุกคนก็คงสาละวนวุ่นวายกับการคลอด ต้องกดแผลฝีเย็บที่ตัดเอาไว้ไม่ให้ฉีกขยายกว้างออกไป  ต้องดูดน้ำเมือก น้ำคร่ำในปากในจมูกเด็กออกให้หมด  เลยไม่ทันได้มีเวลามาอุดริดสีดวงเอาไว้ 

 

การเจ็บที่ริดสีดวงในช่วงหลังคลอดมักจะเป็นมากในช่วง 3-4 วันแรก ส่วนมากแล้วก็ไม่ค่อยเกิน 7 วัน  ยกเว้นในบางรายที่เกิดก้อนเลือดจับตัวแข็งอยู่ในก้อนริดสีดวง ก็มักจะเจ็บมากกว่า และเจ็บนานกว่า  ถ้ามีการเจ็บปวดมากก็อาจจำเป็นต้องผ่ากรีดเอาก้อนเลือดออก  อย่างไรก็ตามริดสีดวงทวารก็มักจะยุบจนหายไม่มีอาการในไม่เกิน 6 สัปดาห์หลังคลอด  แต่ก็มักจะยุบไม่หมด มักจะเหลือไว้ให้ดูใจกันนิดหน่อย  ดังนั้นถึงแม้ริดสีดวงจะยุบไปแล้วก็ควรจะดูแลตัวเองให้ดีด้วย  อย่าให้ท้องผูกเป็นอันขาด เพราะวันดีคืนดีริดสีดวงก็อาจจะโผล่ออกมาเยี่ยมได้เป็นครั้งคราว

 

การดูแลรักษาริดสีดวงที่สำคัญก็อยู่ที่การป้องกัน  ที่ยังไม่เป็นก็ต้องดูแลป้องกันไว้อย่าให้เป็น  โดยพยายามดื่มน้ำมากๆ  รับประทานอาหารประเภทผักสด ผลไม้ให้เพียงพอ   ฝึกหัดการเข้าถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลาให้เป็นนิสัย หลีกเลี่ยงการนั่งส้วมติดต่อกันเป็นเวลานานๆ   ถ้าหากมีอาการท้องผูกก็ควรปรึกษาคุณหมอ  ไม่ควรซื้อยาระบายมารับประทานเอง เพราะยาบางอย่างอาจจะไปมีผลกระทบต่อลูกในครรภ์ได้โดยไม่รู้ตัว

 

ยาระบายที่ดีที่สุดสำหรับคนท้องก็ควรเป็นยาประเภทที่ทำให้อุจจาระเหลวอ่อนนุ่ม เบ่งถ่ายออกมาได้ง่าย  ยาระบายประเภทที่กระตุ้นให้ลำใส้บีบตัวทำงานมากขึ้นก็ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง    เพราะแทนที่จะกระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบของลำใส้เพียงอย่างเดียว บางทีอาจไปกระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบของมดลูกให้มีการบีบรัดตัวได้ด้วยเหมือนกัน  ส่วนยาระบายประเภทที่เป็นน้ำมัน เช่น น้ำมันละหุ่น ก็ไม่แนะนำให้ใช้ติดต่อกันบ่อยๆในระหว่างตั้งครรภ์ เพราะยาระบายประเภทที่เป็นน้ำมันจะขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก และ วิตามินต่างๆได้

 

คุณแม่บางคนอาจจะมีปัญหาเรื่องอุจจาระแข็งมากๆ  ก็ไม่แนะนำให้ใช้ลูกสวนในการสวนอุจจาระ เพราะวิธีนี้จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนดได้  แค่เหลาสบู่เป็นแท่งเล็กๆสวนก้นก็พอ

 

ยาระบายธรรมชาติที่ได้ผลดี หาได้ง่าย แถมอร่อยอีกด้วย นั่นก็คือ “ลูกพรุน” นั่นเอง  เดี๋ยวนี้เห็นมีทำเป็นน้ำขาย  แต่ถ้าจะให้ประหยัดหน่อยก็ซื้อเป็นเม็ดมารับประทานเล่นบ่อยๆ ก็ช่วยป้องกันไม่ได้ท้องผูกได้เป็นอย่างดี

 

สำหรับคุณแม่ที่เป็นริดสีดวงอยู่แล้ว ทีสำคัญก็คือ การดูแลไม่ให้เป็นริดสีดวงมากขึ้นกว่าเก่า  ซึ่งก็ยากเหมือนกันนะครับ  เพราะการตั้งครรภ์มักจะคอยซ้ำเติมให้ริดสีดวงเป็นมากขึ้น  ดังนั้นคุณแม่ก็ควรเอาใจใส่ดูแลเรื่องระบบทางเดินอาหารของตัวเองให้ดี  ถ้าหากเริ่มมีอาการท้องผูกก็ควรรีบปรึกษาคุณหมอทันที  เพื่อที่จะได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่ยังเป็นน้อยๆ  คุณแม่ควรเอาใจใส่ตัวเองมากขึ้นในยามเข้าห้องน้ำ  ถ้าหากพบว่ามีริดสีดวงแอบเล็ดลอดออกมาข้างนอก  ก็ควรดันกลับเข้าไปข้างในทุกครั้ง  เพราะการปล่อยให้ริดสีดวงออกมาอยู่ภายนอกนานๆ จะทำให้เกิดการบวมมากขึ้น  เนื่องจากถูกหูรูดของทวารหนักรัดเอาไว้  เลือดที่มาเลี้ยงไม่สามารถไหลกลับออกไปได้สะดวก  พอริดสีดวงออกมาอยู่ข้างนอกนานๆ ก็จะติดใจไม่อยากกลับเข้าไปข้างในอีกแล้ว  ตอนนี้คุณแม่จะรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรมาจุกอยู่ที่ก้นตลอดเวลาน่ารำคาญ  ถ้ามีอาการเจ็บปวดที่ริดสีดวง อาจใช้ยาทา หรือยาเหน็บริดสีดวงก็จะช่วงบรรเทาอาการได้มาก  ถ้าปวดมากการใช้น้ำแข็งช่วงประคบที่ริดสีดวงก็จะช่วยได้มากทีเดียว ….แต่ก็คงจะเย็นก้นน่าดูเหมือนกัน !

 

           ถ้าคุณแม่เป็นริดสีดวง..ก็ควรดูแลเอาใจใส่เขาเหมือนเป็นเพื่อนเราคนหนึ่ง

             หลังคลอดสักระยะหนึ่งเขาก็จะจากไป

             ถึงวันนั้น..คงคิดถึงเขาเหมือนกันนะครับ !

 

ความคิดเห็น