คลอดลูก ใครว่าพ่อไม่เกี่ยว
เวลาคุณแม่ตั้งครรภ์ ตุณแม่เป็นคนอุ้มท้อง แต่ก็ไม่ใช่ว่าการท้องเป็นเรื่องของคุณแม่แต่เพียงคนเดียวนะครับ คุณพ่อตัวดีนี้แหละที่ต้องคอยดูแล ช่วยเหลือ ประคับประคองทุกสิ่งทุกอย่างให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เอาเข้าไปได้..ก็ต้องมาช่วยกันดูแลนะครับ
พ่อ...ผู้ช่วยคนสำคัญ
ในระหว่างการตั้งครรภ์เป็นหน้าที่ของคุณแม่ที่ต้องดูแลตัวเอง ดูแลการตั้งครรภ์ กินอาหารดีดี ไปตรวจฝากครรภ์อย่างสม่ำเสมอ พยายามปฏิบัติตัวให้ถูกต้องตามที่คุณหมอแนะนำ พยายามทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกในครรภ์ ...และเป็นหน้าที่ที่สำคัญของคุณพ่อด้วยที่จะต้องดูแลทั้งแม่ทั้งลูก คอยช่วยเหลืองานบ้านงานเรือน รวมทั้งต้องให้ความรัก ให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ คนท้องน่ะทั้งขี้ใจน้อย ทั้งแสนงอน อ่อนไหว เอาใจยากจะตายไป แต่ยังไงตอนคุณแม่ท้อง คุณพ่อก็คงต้องยอมๆกันไป ไปทำเขาท้องแล้วนี่ครับ
พอถึงเวลาตอนคลอด การนอนอยู่ในห้องคลอดคนเดียว มันช่างดูอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเดียวดายเป็นที่สุด มันเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่ต้องเจอะเจอกับอะไรต่ออะไรมากมาย ตอนแรกก็รู้สึกตื่นเต้น พอชักจะเจ็บท้องถี่ขึ้น ความเจ็บปวดก็ทำให้หายตื่นเต้นไปเลย ช่วงเวลานี้การที่ต้องนอนเจ็บปวดอยู่คนเดียว ถึงจะมีพยาบาลคอยดูแลอยู่ตลอด ก็เพิ่งเจอกันเมื่อกี๊นี้เอง จะร้องก็เกรงใจเขา มองไปมองมาไม่มีใครที่เราสนิทจะคอยดูแล ให้กำลังใจเลย
ตอนนี้แหละที่คุณแม่จะคิดถึงคุณสามีขึ้นมาทันที รับรองว่าคิดถึงมากกว่าตอนที่จีบกันใหม่ๆ เสียอีก ยามเจ็บ ยามป่วย ยามไข้ใครๆก็ต้องคิดถึงสามีก่อน คงไม่ไปนึกถึงหนุ่มข้างบ้านเป็นแน่ ถ้าคุณสามีมาอยู่ด้วยก็คงมีคนคอยดูแล ให้กำลังใจ คอยเช็ดหน้าเช็ดตาให้ยามเหนื่อย คอยเชียร์เบ่งยามคลอด แม้จะเหนื่อยเมื่อยล้า สามีอุตส่าห์มาเชียร์ก็คงตองโชว์ฝีมือกันหน่อย ที่สำคัญเขาจะได้รู้เอาไว้ว่าคลอดลูกมันเจ็บ มันเหนื่อยแค่ไหน
แต่ก่อนอื่นก็ต้องบอกกันไว้ก่อนว่าไม่ใช่ทุกโรงพยาบาลนะที่คุณพ่อจะมีโอกาสเข้าไปอยู่ด้วยในระกว่างที่คุณแม่กำลังคลอด ปกติแล้วถ้าเป็นโรงพยาบาลของรัฐ ก็ไม่สามารถให้คุณพ่อเข้าไปอยู่ด้วยได้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะให้เข้าไปนะครับ แต่วันวันหนึ่งมีคลอดเป็นสิบๆ คน หากให้คุณพ่อเข้าไปอยู่ด้วย ก็คงเดินกันยั้วเยี้ยเหมือนสวนจตุจักร เผลอๆ เชียร์เบ่งจนคลอดแล้ว อ้าว...ไม่ใช่เมียผมนี่ครับ เชียร์ผิดคน คงวุ่นวายน่าดู
แต่ที่สำคัญก็คือความปลอดภัยด้วย หากมีคนสวมรอยเข้ามาแล้วขโมยเด็กออกไปก็ยิ่งวุ่นกันไปใหญ่ ดังนั้น หากเป็นโรงพยาบาลของรัฐอาจต้องช่วยเหลือตัวเอง ให้กำลังใจตัวเองไว้ก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวนี้พยาบาลหน้าตาจุ๋มจิ๋มน่ารักกันทั้งนั้น ที่ดุๆ ไม่ค่อยมีแล้วครับ
ส่วนโรงพยาบาลเอกชนก็มีโอกาสมากหน่อย เพราะคลอดกันไม่เยอะเท่าโรงพยาบาลรัฐ ส่วนมากห้องคลอดจะแยกเป็นห้องๆ ห้องใครห้องมัน เป็นส่วนตัว ถ้าโรงพยาบาลดีๆ หน่อย ห้องจะเก็บเสียง เวลาร้องจะได้ไม่ไปรบกวนคนอื่น
นโยบายของโรงพยาบาลแต่ละแห่งก็ไม่เหมือนกัน บางแห่งให้คุณพ่ออยู่ได้ตลอด อยากจะถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอก็ได้ตามสบาย แต่บางแห่งให้เข้าไปให้กำลังใจอย่างเดียว ไม่ให้ถ่ายรูปเพราะดูวุ่นวาย บางแห่งที่ใจร้ายหน่อยไม่ให้เข้าไปยุ่งวุ่นวายเลย ให้รอให้กำลังใจอยู่หน้าห้องก็พอแล้ว
คงต้องสอบถามกับคุณหมอก่อนว่าอนุญาตให้สามีไปให้กำลังใจหรือเปล่า แต่เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่ก็ให้เข้าไปอยู่ในห้องคลอดได้ บางทีก็ให้ถ่ายรูปถ่ายวิดีโอกันได้เต็มที่
อย่างที่บอกว่าคุณพ่อเป็นคนสำคัญมากกว่าใครทุกคนที่อยู่ในห้องคลอด (ยกเว้นหมอทำคลอดยะครับ) ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้คุณพ่อก็ควรทำหน้าที่ของคุณพ่อให้สมบูรณ์ในวันสำคัญวันนี้
พ่อ...เตรียมตัวก่อน (แม่) คลอด
ก่อนอื่นก็ต้องมีการเตรียมตัวกันก่อน อย่างน้อยทั้งคุณพ่อคุณแม่ควรมีความรู้พื้นฐานของการคลอดมาบ้าง พยายามหาหนังสืออ่าน จะได้เข้าใจว่าสิ่งที่เราจะไปเจอนั้น ขั้นตอนเป็นอย่างไรบ้าง ผมช่วยสรุปง่ายๆ สั้นๆ ให้ก่อนก็แล้วกัน
เมื่อเจ็บท้องคลอด มดลูกก็จะมีการบีบตัว การบีบแต่ละครั้งก็จะส่งแรงดันลงไปทางปากมดลูก ซึ่งจะค่อยๆ ขยายตัวออกทีละนิด ปกติจะขยายชั่วโมงละ 1 เซนติเมตร หรืออาจจะมากกว่านั้น ปากมดลูกต้องเปิดไปจนถึง 10 เซนติเมตรถึงจะคลอด
เวลาเจ็บท้องคลอดมันเดี๋ยวบีบเดี๋ยวหาย ปากมดลูกก็จะขยาย เมื่อคุณพ่ออยู่กับคุณแม่ในห้องคลอด จะได้คอยให้กำลังใจคุณแม่ไงครับ คุณแม่จะได้มีกำลังใจไปสู้กับความเจ็บได้ คุณพ่ออยู่ให้กำลังใจคุณแม่กำลังใจคุณแม่เดี๋ยวเดียว ลูกก็คลอดออกมาแล้วครับ
ช่วงเวลาสำคัญ
พอถึงตอนที่ปากมดลูกเปิดหมด คุณพยาบาลจะย้ายคุณแม่เข้าห้องคลอด ตอนนี้คุณพ่อควรรอหน่อยนะครับ หรือจะถามคุณพยาบาลก่อนก็ได้นะว่าถึงคิวผมเข้าไปได้แล้วหรือยัง ส่วนมากช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องเอาคุณแม่ขึ้นขาหยั่ง ฟอกทำความสะอาดปากทางคลอด จนปูผ้าคลุมอะไรเรียบร้อยแล้วก็จะให้ให้คุณสามีเข้ามาได้
ื พอสามีเข้ามาก็จะเห็นคุณภรรยาสุดที่รักนอนอยู่ในท่าน่าหวาดเสียว อ้าขาอล่างฉ่าง แต่ถึงตอนนี้อย่าไปหวงอะไรกันนัก ก็เรื่องมันจำเป็นนี่นะ อีกอย่างทั้งหมอทั้งพยาบาลดูกันทุกวันจนเบื่อจะแย่อยู่แล้ว
ภายในห้องคลอด คุณหมอจะนั่งอยู่ตรงกลางหว่างขาพอดี ส่วนคุณพยาบาลก็มักจะอยู่ทางด้านซ้ายของคุณแม่ คอยจับดูว่ามดลูกแข็งหรือยัง จะให้เบ่งตอนไหน บางก็ต้องช่วยออกแรงดันก้นลูกด้วยอีกแรง เวลาเจ็บคุณแม่บางคนมักจะขบ จิก หยิก ข่วน พยาบาลบาดเจ็บมาแล้วหลายคน ดังนั้น บริเวณหัวเตียงด้านขวาเลยเป็นที่ของคุณพ่อ จะโดนจิก โดนหยิก ก็ค่อยไปชำระบัญชีกันเอาเองทีหลังแล้วกัน
เบ่งคลอด...เชียร์กันหน่อย
ช่วงเชียร์เบ่ง คุณหมอคุณพยาบาลจะออกเสียงให้คุณแม่เบ่งตาม คุณแม่ต้องหายใจเข้ายาวๆ เต็มที่ กลั้นลมหายใจไว้แล้วเบ่งลงก้นยาวๆ จนหมดแรงบีบตัวของมดลูก ตอนนี้คุณพ่อต้องคอยช่วยควบคุมให้คุณแม่เบ่งให้ได้ ไม่ใช่เอาแต่ยืนเป็นท่อนไม้
พอถึงตอนคลอด ช่วงนี้จะมีเลือดออกค่อนข้างเยอะ คงต้องใจแข็งกันหน่อย ไม่ใช่คลอดเสร็จ คุณพ่อเป็นลมล้มพับอยู่ใต้เตียง แต่ถ้าจะเป็นลมก็ให้หายใจยาวๆ เข้าไว้ เตรียมยาดมอะไรไว้ก่อนก็ดี (แต่รับรอง วันหลังไม่กล้ากินต้มเลือดหมูไปอีกนาน)
ช่วงเวลาคลอดเป็นช่วงที่คุณหมอต้องใช้สมาธิในการทำงานบ้างเหมือนกัน คุณพ่อบางคนอาจจะรู้มาก คอยสอนหมออยู่ตลอด “ทำอย่างนี้สิ ไม่ทำอย่างนี้เหรอครับ…” ไม่ต้องไปทำเก่งหรอกครับ เดี๋ยวหมอหมั่นไส้ เดินออกไปให้ทำคลอดเองซะเลย
สามีบางคนนอกจากจะให้กำลังใจภรรยาแล้ว ยังชอบให้กำลังใจหมออีกด้วย “เก่งครับ ดีครับ เก่งมากครับ...” พวกหมอนี่ก็บ้ายอจะตาย ไม่ต้องไปชมอะไรมากหรอกครับ ปล่อยให้เขาทำงานของเขาไป ชมมากเดี๋ยวเหลิง (ผมว่าตัวเองนะครับ)
ตอนที่คลอดก็อยากให้คุณพ่อประจำที่อยู่ตรงหัวเตียงเท่านั้น ไม่ต้องไปชะเง้อดูอะไรมากหรอกครับ เพราะตรงนั้นของผู้หญิงเรามักมีความจดจำดีๆ กับมันเยอะ แต่ตอนคลอดจะต้องโดนตัดฝีเย็บ มีเลือด มีน้ำคร่ำออกมามากมาย ไม่ค่อยน่าดูหรอกครับ
ภาพที่เห็นก็จะมีความเจ็บปวดเป็นความรู้สึกร่วมด้วย หากไปนั่งดูอย่างใกล้ชิด เดี๋ยวจะไปฝังอยู่ในใจของเรา อีกหน่อยเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มแล้วจะทำไม่ลงด้วยความสงสาร สุดท้ายก็ฝ่อไปเลย เก็บภาพที่สวยงามไว้ดีกว่าครับ
ของผมก็ทำตัวเป็นคุณพ่อที่ดี ไม่ทำคลอดเอง ไม่ดูแผลเลยด้วย เป็นความลับที่ยังไม่ได้บอกใคร กลัวตัวเองจะฝ่อครับ ทุกวันนี้ก็เลยยังใช้การได้ดีเหมือนเดิม
วินาทีแห่งความดีใจ
พอคลอดออกมาแล้ว ตอนนี้แหละที่เป็นช่วงเวลาตื่นเต้น คุณพ่อจะมีความรู้สึกเหมือนมีเลือดสูบฉีดซ่าขึ้นมาทั้งตัว มีทั้งความรู้สึกดีใจ ภูมิใจ มีความรู้สึกของความเป็นพอที่บอกไม่ถูกจนกว่าจะได้ลองรู้สึกเองสักครั้ง
ผมเองตอนภรรยาคลอดก็ไม่ได้ทำคลอดเองหรอกครับ ขอโอกาสเป็นเหมือนพ่อธรรมดาๆ สักคนดีกว่า แล้วมันก็คุ้มค่ามากที่ทำอย่างนั้น หากตอนนั้นทำคลอดเองก็คงไม่มีโอกาสได้มีความรู้สึกของความเป็นพ่อ มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่มีไม่กี่ครั้งในชีวิต หากพลาดไปก็ไม่รู้จะไปหาความรู้สึกแบบนี้จากที่ไหนมาทดแทนได้อีก
อย่าปล่อยให้โอกาสดีๆ
หลุดลอยไปนะครับคุณพ่อทั้งหลาย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น