เรื่องไม่คาวของน้ำคาวปลา
น้ำคาวปลาที่จะพูดถึงกันวันนี้ ก็เป็นน้ำคาวปลาที่ไหลออกมาทางช่องคลอดในช่วงหลังคลอดนั่นเองครับ น้ำคาวปลาของคนเรามันก็มีสี มีกลิ่นคล้ายๆกับน้ำคาวปลาตอนทำกับข้าวนั่นเอง สมัยโบราณเลยขอยืมชื่ออันนี้มาใช้ แล้วก็เรียกอย่างนี้กันมาถึงทุกวันนี้...
แล้วน้ำคาวปลาของคนเรามันมาจากไหนกันล่ะ..??
ตอนที่ลูกยังอยู่ในท้อง รกก็จะเกาะติดอยู่กับผนังของมดลูกเพื่อแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและสารอาหารระหว่างแม่กับลูก แต่พอลูกคลอดออกมาแล้ว รกก็จะหลุดลอกตัวตามออกไปด้วย ... ก็เลยเกิดแผลเป็นรอยโบ๋ตรงตำแหน่งที่รกมันเคยเกาะอยู่
เลือดก็จะซึมออกมาจากแผลที่ว่านี้ ตอนที่รกยังไม่ลอกตัว รอยแผลที่รกเกาะนี้ก็จะมีขนาดเท่ากับจานข้าวเลยทีเดียว
พอลูกคลอดออกไปแล้ว มดลูกก็จะหดตัวเล็กลง
รอยแผลที่ว่านี้ก็จะเล็กลงเรื่อยๆเหลือขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้นเอง
หลังจากนั้นสองสัปดาห์รอยนี้ก็จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ถึง 3-4 เซนต์
เลือดที่ซึมออกมาจากตำแหน่งที่รกเคยเกาะอยู่นี้รวมกับเศษเยื่อบุโพรงมดลูกที่ลอกออกมานี่เองครับที่เราเรียกว่า
“น้ำคาวปลา”
หลังคลอดใหม่ๆ
เลือดน้ำคาวปลาก็จะออกมาเป็นสีแดงสด วันแรกก็ออกเยอะหน่อยประมาณ
หนึ่งเท่าครึ่งของรอบเดือนที่มาวันแรก วันที่สองก็ยังเป็นสีแดงสด
ออกพอๆกันกันรอบเดือน วันที่สามก็ยังคงเป็นสีแดงสดอยู่ แต่ปริมาณก็ลดลงเหลือแค่
ครึ่งหนึ่งของรอบเดือนเท่านั้นเอง
หลังจากนั้นน้ำคาวปลาก็จะสีจางลง
จางลงเป็นสีแดงเรื่อๆ จางลงเรื่อยๆจนสิบวันใส สิบสี่วันหมด แต่บางทีก็ออกยาวแถมไปถึงยี่สิบเอ็ดวันเลยก็ได้ บางคนน้ำคาวปลาก็ไม่ยอมหยุดสนิทง่ายๆ
ยังออกเป็นสีน้ำตาลเรื่อๆอยู่ตลอดในช่วงเดือนแรกก็มี แต่ก็ไม่ได้ถือว่าผิดปกติอะไรหรอกครับ
คุณแม่บางคนอาจจะรู้สึกว่าวันแรกๆน้ำคาวปลาไม่เห็นจะไหลเลย
แต่ที่ไหนได้พอลุกลงจากเตียงเท่านั้นแหละ
เลือดไหลออกมาเป็นทางเต็มหน้าขาจนถึงพื้นเลย
นึกว่าตกเลือด วิ่งตามหาคุณหมอกันให้วุ่น
...ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรหรอกครับ
มดลูกของผู้หญิงเราตอนที่ลูกยังอยู่ในท้องมันมีความจุตั้งสองสามลิตร พอลูกออกไปแล้วมดลูกก็หดตัวเล็กลง
โพรงมดลูกข้างในก็มีความจุประมาณหนึ่งแก้วน้ำ
แล้วเวลานอนช่องคลอดของผู้หญิงเราก็จะเอียงลาดลงสี่สิบห้าองศา เวลานอนเลือดก็เลยขังค้างอยู่ข้างใน
พอลุกขึ้นจากเตียงก็เทออกมา ดังนั้นยิ่งนอนมากเท่าไหร่
เลือกน้ำคาวปลาก็จะค้างอยู่ข้างในมากเท่านั้น
ลุกขึ้นมาเลือดก็จะเทออกมามากตามไปด้วย
แต่อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้วน้ำคาวปลาก็จะออกน้อยลงน้อยลงเรื่อยๆ
น้ำคาวปลาของคุณแม่ที่คลอดเองโดยวิธีธรรมชาติ จะออกมากกว่าคุณแม่ที่ผ่าท้องคลอด ในรายที่คลอดธรรมชาติ
ทั้งเลือดทั้งเยื่อบุจะค่อยๆไหลหลุดลอกออกมาเองโดยธรรมชาติก็เลยออกมากและออกนานกว่า แต่ถ้าเป็นการผ่าท้องคลอด
หลังจากเอารกออกแล้วคุณหมอก็จะเอาผ้าชุบน้ำเช็ดขัดถูภายในโพรงมดลูกจนหมดจดมันวับเหมือนหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเลยทีเดียว
น้ำคาวปลาของคุณแม่ที่ผ่าท้องคลอดก็เลยออกน้อย หมดเร็ว ซึ่งก็ไม่ถือว่าผิดปกติอะไร
บางคนเห็นน้ำคาวปลาหมดเร็วก็ไม่ชอบ ไปหาว่ามันจะตกค้างอยู่ข้างใน เลือดเสียจะไม่ไหลบ้าง ก็อุตส่าห์ไปขวนขวายหายาขับ ยาดองเหล้ามากินกันให้มันออกเยอะๆ ที่จริงน้ำคาวปลามันหมดเร็วก็ดีแล้วครับ จะได้ไม่เสียเลือดมาก ไม่เพลียมาก ให้เลือดออกมามากๆก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ดีไม่ดีขับไปขับมาเดี๋ยวจะพาลตกเลือดต้องหามกลับไปหาคุณหมออีกรอบ แล้วยาดองเหล้า ก็ต้องมีเหล้าเป็นส่วนประกอบ ซึ่งมันก็จะขับออกมาทางน้ำนมด้วยเหมือนกัน ลูกกินนมแม่เสร็จก็เมาไม่รู้เรื่องเลย แทนที่จะได้ลืมตามาดูเดือนดูตะวันกับเขาบ้าง มีการเรียนรู้มีพัฒนาการบ้าง ดันหลับซะนี่ ก็เลยเสียโอกาสที่จะมีการเรียนรู้ พ่อแม่ที่ไม่รู้เรื่องก็อาจจะชอบก็ได้นะครับ เพราะว่ามันเลี้ยงง่าย เมาหลับไปทั้งวัน ก็จะสร่างเมาตื่นมากวนอีกรอบก็อีกนาน ...สบายไป
หรือคุณแม่บางคนมีน้ำคาวปลาออกมาไม่เยอะสะใจ
เห็นเขาว่าต้องเอากระเป๋าน้ำร้อนมาวางหน้าท้อง
...ที่จริงแล้วการวางกระเป๋าน้ำร้อนนี่ก็ดีในแง่ที่ลดบรรเทาอาการปวดท้องน้อยได้ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยขับน้ำคาวปลาอะไรหรอกครับ ก็เราเป็นสัตว์เลือดอุ่นนี่ครับ
ไม่ว่าจะไปอยู่ขั้วโลกหนาวจับใจลบสี่สิบองศา
มดลูกเราก็มีอุณหภูมิ 37.8 องศาเท่าเดิม ไปอยู่ ไปอยู่กลางทะเลทรายร้อนจนไข่สุก
มดลูกเราก็ยังมีอุณหภูมิ 37.8 องศาเท่าเดิมอยู่ดี
เอากระเป๋าน้ำร้อนมาวางหน้าท้อง ความร้อนนั้นไปไม่ถึงมดลูกหรอกครับ
เพราะเส้นเลือดฝอยแถวๆหน้าท้องจะขยายตัวเอาความร้อนเหล่านี้ไปกระจายยังที่อื่นๆ
แล้วขับเหงื่อออกมาเพื่อระบายความร้อนแทน
ความร้อนจากกระเป๋าน้ำร้อนกว่าจะทะลุไขมันลงไป กว่าจะผ่านลำไส้ไปไม่รู้กี่ขด
มดลูกมันก็เลยไม่ได้ร้อนขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ความร้อนจากกระเป๋าน้ำร้อนหากร้อนจัดเกินไปก็จะทำให้หน้าท้องคล้ำดำลงได้อีกด้วย
ปกติแล้วน้ำคาวปลามันก็ต้องเป็นสีแดงเรื่อๆนะครับ แล้วก็ต้องออกน้อยลงเรื่อยๆ
แต่ถ้าหลังคลอดแล้วน้ำคาวปลายังแดงสดอยู่ตลอด แถมยังออกมากไม่มีวี่แววว่าจะลดลงเลย อย่างนี้ไม่ดีแน่
ระยะแรกๆก็มักมีสาเหตุจากมดลูกมันไม่ยอมบีบตัว ...ผู้หญิงเราพอคลอดลูกปั๊บ มดลูกก็จะหดตัวปุ๊บ
บีบรัดตัวเองแน่นเลย เป็นการห้ามเลือดโดยอัตโนมัติ ลองไม่บีบสิ...เลือดออกเป็นถังแน่เลย หากเลือดออกเยอะ คลำๆดูเจอมดลูกที่ท้องน้อยนิ่มเป็นเต้าหู้
ก็เอามือคลึงๆจนมันแข็ง แค่นี้เลือดก็หยุดแล้ว
บางรายน้ำคาวปลาก็จางลงดีหรอก
...แต่วันดีคืนดี เลือดก็ออกมาพลักๆจมกองเลือดเลย
อย่างนี้ก็มักสงสัยอาการรกค้าง หรือคลอดรกออกมาไม่หมด ..รีบไปโรงพยาบาลเลยครับ จับขูดมดลูกสองทีเลือดก็หยุดแล้วครับ ฟังแล้วหวาดเสียว
คุณแม่บางคนก็อาจมีปัญหาน้ำคาวปลามีออกมานิดๆเรื่อยๆไม่ยอมหมดซักที
ต้องใส่ผ้าอนามัยทุกวันจนเปื่อยไปหมด
ยิ่งถ้าน้ำคาวปลาสีไม่สวย แถมมีกลิ่นอีก นั่นก็แปลว่ามีการอักเสบเกิดขึ้น
ไปหาหมอหายาแกอักเสบกินเดี๋ยวก็หาย
การดูแลรักษาความสะอาดเรื่องน้ำคาวปลาเนี่ย
ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากการดูแลประจำเดือนเลยครับ
เพียงแต่ว่าน้ำคาวปลามันจะมีนานกว่าเท่านั้นเอง
..
ที่สำคัญน้ำคาวปลา
กลิ่นมันก็ไม่คาวเหมือนชื่อหรอกครับ...แต่ถ้าดูแลรักษาความสะอาดไม่ดี
ก็ไม่แน่เหมือนกันนะครับ/.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น