เรื่องไม่คาวของน้ำคาวปลา

 



คุณแม่สมัยใหม่ยุคโลกาภิวัฒน์หลายคนก็คงไม่เคยทำกับข้าวกินเองที่บ้าน บางคนก็ไม่มีเวลา บางคนก็ทำไม่เป็น หรือลองทำดูแล้วก็ไม่มีใครกิน   คุณแม่หลายคนก็เลยไม่ค่อยคุ้นเคยกับน้ำคาวปลาของแท้ๆกันสักเท่าไหร่ คุณแม่สมัยก่อนส่วนมากแล้วก็มักทำกับข้าวกับปลากินเองที่บ้านเป็นส่วนใหญ่  หมูบ้าง ไก่บ้าง ปลาบ้าง   เวลาทำปลาก็ต้องขอดเกล็ด ถอดเหงือก เอาเครื่องในออก ล้างให้สะอาด ล้างไปล้างมาเลือดปลากับน้ำล้างปลาก็ไหลมาปนกันสีแดงเรื่อๆ คาวๆ ...อันนี้แหละครับนี่แหละที่เขาเรียกกันว่า “น้ำคาวปลา”

 

น้ำคาวปลาที่จะพูดถึงกันวันนี้ ก็เป็นน้ำคาวปลาที่ไหลออกมาทางช่องคลอดในช่วงหลังคลอดนั่นเองครับ  น้ำคาวปลาของคนเรามันก็มีสี มีกลิ่นคล้ายๆกับน้ำคาวปลาตอนทำกับข้าวนั่นเอง  สมัยโบราณเลยขอยืมชื่ออันนี้มาใช้   แล้วก็เรียกอย่างนี้กันมาถึงทุกวันนี้...

แล้วน้ำคาวปลาของคนเรามันมาจากไหนกันล่ะ..??

 

ตอนที่ลูกยังอยู่ในท้อง รกก็จะเกาะติดอยู่กับผนังของมดลูกเพื่อแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและสารอาหารระหว่างแม่กับลูก  แต่พอลูกคลอดออกมาแล้ว รกก็จะหลุดลอกตัวตามออกไปด้วย ... ก็เลยเกิดแผลเป็นรอยโบ๋ตรงตำแหน่งที่รกมันเคยเกาะอยู่ เลือดก็จะซึมออกมาจากแผลที่ว่านี้ ตอนที่รกยังไม่ลอกตัว รอยแผลที่รกเกาะนี้ก็จะมีขนาดเท่ากับจานข้าวเลยทีเดียว พอลูกคลอดออกไปแล้ว มดลูกก็จะหดตัวเล็กลง รอยแผลที่ว่านี้ก็จะเล็กลงเรื่อยๆเหลือขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้นเอง หลังจากนั้นสองสัปดาห์รอยนี้ก็จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ถึง 3-4 เซนต์ เลือดที่ซึมออกมาจากตำแหน่งที่รกเคยเกาะอยู่นี้รวมกับเศษเยื่อบุโพรงมดลูกที่ลอกออกมานี่เองครับที่เราเรียกว่า “น้ำคาวปลา”

 

หลังคลอดใหม่ๆ เลือดน้ำคาวปลาก็จะออกมาเป็นสีแดงสด วันแรกก็ออกเยอะหน่อยประมาณ หนึ่งเท่าครึ่งของรอบเดือนที่มาวันแรก วันที่สองก็ยังเป็นสีแดงสด ออกพอๆกันกันรอบเดือน วันที่สามก็ยังคงเป็นสีแดงสดอยู่ แต่ปริมาณก็ลดลงเหลือแค่ ครึ่งหนึ่งของรอบเดือนเท่านั้นเอง   หลังจากนั้นน้ำคาวปลาก็จะสีจางลง  จางลงเป็นสีแดงเรื่อๆ จางลงเรื่อยๆจนสิบวันใส สิบสี่วันหมด  แต่บางทีก็ออกยาวแถมไปถึงยี่สิบเอ็ดวันเลยก็ได้  บางคนน้ำคาวปลาก็ไม่ยอมหยุดสนิทง่ายๆ ยังออกเป็นสีน้ำตาลเรื่อๆอยู่ตลอดในช่วงเดือนแรกก็มี แต่ก็ไม่ได้ถือว่าผิดปกติอะไรหรอกครับ

 

คุณแม่บางคนอาจจะรู้สึกว่าวันแรกๆน้ำคาวปลาไม่เห็นจะไหลเลย แต่ที่ไหนได้พอลุกลงจากเตียงเท่านั้นแหละ เลือดไหลออกมาเป็นทางเต็มหน้าขาจนถึงพื้นเลย  นึกว่าตกเลือด วิ่งตามหาคุณหมอกันให้วุ่น  ...ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรหรอกครับ มดลูกของผู้หญิงเราตอนที่ลูกยังอยู่ในท้องมันมีความจุตั้งสองสามลิตร  พอลูกออกไปแล้วมดลูกก็หดตัวเล็กลง โพรงมดลูกข้างในก็มีความจุประมาณหนึ่งแก้วน้ำ  แล้วเวลานอนช่องคลอดของผู้หญิงเราก็จะเอียงลาดลงสี่สิบห้าองศา  เวลานอนเลือดก็เลยขังค้างอยู่ข้างใน พอลุกขึ้นจากเตียงก็เทออกมา ดังนั้นยิ่งนอนมากเท่าไหร่ เลือกน้ำคาวปลาก็จะค้างอยู่ข้างในมากเท่านั้น ลุกขึ้นมาเลือดก็จะเทออกมามากตามไปด้วย  แต่อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้วน้ำคาวปลาก็จะออกน้อยลงน้อยลงเรื่อยๆ

 

น้ำคาวปลาของคุณแม่ที่คลอดเองโดยวิธีธรรมชาติ จะออกมากกว่าคุณแม่ที่ผ่าท้องคลอด   ในรายที่คลอดธรรมชาติ  ทั้งเลือดทั้งเยื่อบุจะค่อยๆไหลหลุดลอกออกมาเองโดยธรรมชาติก็เลยออกมากและออกนานกว่า  แต่ถ้าเป็นการผ่าท้องคลอด หลังจากเอารกออกแล้วคุณหมอก็จะเอาผ้าชุบน้ำเช็ดขัดถูภายในโพรงมดลูกจนหมดจดมันวับเหมือนหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเลยทีเดียว น้ำคาวปลาของคุณแม่ที่ผ่าท้องคลอดก็เลยออกน้อย หมดเร็ว ซึ่งก็ไม่ถือว่าผิดปกติอะไร

บางคนเห็นน้ำคาวปลาหมดเร็วก็ไม่ชอบ ไปหาว่ามันจะตกค้างอยู่ข้างใน เลือดเสียจะไม่ไหลบ้าง ก็อุตส่าห์ไปขวนขวายหายาขับ ยาดองเหล้ามากินกันให้มันออกเยอะๆ  ที่จริงน้ำคาวปลามันหมดเร็วก็ดีแล้วครับ จะได้ไม่เสียเลือดมาก ไม่เพลียมาก ให้เลือดออกมามากๆก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ดีไม่ดีขับไปขับมาเดี๋ยวจะพาลตกเลือดต้องหามกลับไปหาคุณหมออีกรอบ  แล้วยาดองเหล้า ก็ต้องมีเหล้าเป็นส่วนประกอบ ซึ่งมันก็จะขับออกมาทางน้ำนมด้วยเหมือนกัน ลูกกินนมแม่เสร็จก็เมาไม่รู้เรื่องเลย แทนที่จะได้ลืมตามาดูเดือนดูตะวันกับเขาบ้าง มีการเรียนรู้มีพัฒนาการบ้าง ดันหลับซะนี่ ก็เลยเสียโอกาสที่จะมีการเรียนรู้   พ่อแม่ที่ไม่รู้เรื่องก็อาจจะชอบก็ได้นะครับ เพราะว่ามันเลี้ยงง่าย เมาหลับไปทั้งวัน ก็จะสร่างเมาตื่นมากวนอีกรอบก็อีกนาน ...สบายไป

 

หรือคุณแม่บางคนมีน้ำคาวปลาออกมาไม่เยอะสะใจ เห็นเขาว่าต้องเอากระเป๋าน้ำร้อนมาวางหน้าท้อง  ...ที่จริงแล้วการวางกระเป๋าน้ำร้อนนี่ก็ดีในแง่ที่ลดบรรเทาอาการปวดท้องน้อยได้  แต่มันก็ไม่ได้ช่วยขับน้ำคาวปลาอะไรหรอกครับ   ก็เราเป็นสัตว์เลือดอุ่นนี่ครับ ไม่ว่าจะไปอยู่ขั้วโลกหนาวจับใจลบสี่สิบองศา  มดลูกเราก็มีอุณหภูมิ 37.8 องศาเท่าเดิม ไปอยู่ ไปอยู่กลางทะเลทรายร้อนจนไข่สุก มดลูกเราก็ยังมีอุณหภูมิ 37.8 องศาเท่าเดิมอยู่ดี  เอากระเป๋าน้ำร้อนมาวางหน้าท้อง ความร้อนนั้นไปไม่ถึงมดลูกหรอกครับ เพราะเส้นเลือดฝอยแถวๆหน้าท้องจะขยายตัวเอาความร้อนเหล่านี้ไปกระจายยังที่อื่นๆ แล้วขับเหงื่อออกมาเพื่อระบายความร้อนแทน  ความร้อนจากกระเป๋าน้ำร้อนกว่าจะทะลุไขมันลงไป กว่าจะผ่านลำไส้ไปไม่รู้กี่ขด มดลูกมันก็เลยไม่ได้ร้อนขึ้นเลยแม้แต่น้อย  ความร้อนจากกระเป๋าน้ำร้อนหากร้อนจัดเกินไปก็จะทำให้หน้าท้องคล้ำดำลงได้อีกด้วย

 

ปกติแล้วน้ำคาวปลามันก็ต้องเป็นสีแดงเรื่อๆนะครับ  แล้วก็ต้องออกน้อยลงเรื่อยๆ แต่ถ้าหลังคลอดแล้วน้ำคาวปลายังแดงสดอยู่ตลอด แถมยังออกมากไม่มีวี่แววว่าจะลดลงเลย  อย่างนี้ไม่ดีแน่  ระยะแรกๆก็มักมีสาเหตุจากมดลูกมันไม่ยอมบีบตัว  ...ผู้หญิงเราพอคลอดลูกปั๊บ มดลูกก็จะหดตัวปุ๊บ บีบรัดตัวเองแน่นเลย เป็นการห้ามเลือดโดยอัตโนมัติ  ลองไม่บีบสิ...เลือดออกเป็นถังแน่เลย  หากเลือดออกเยอะ คลำๆดูเจอมดลูกที่ท้องน้อยนิ่มเป็นเต้าหู้ ก็เอามือคลึงๆจนมันแข็ง แค่นี้เลือดก็หยุดแล้ว

 


บางรายน้ำคาวปลาก็จางลงดีหรอก ...แต่วันดีคืนดี เลือดก็ออกมาพลักๆจมกองเลือดเลย  อย่างนี้ก็มักสงสัยอาการรกค้าง หรือคลอดรกออกมาไม่หมด  ..รีบไปโรงพยาบาลเลยครับ จับขูดมดลูกสองทีเลือดก็หยุดแล้วครับ   ฟังแล้วหวาดเสียว

 

คุณแม่บางคนก็อาจมีปัญหาน้ำคาวปลามีออกมานิดๆเรื่อยๆไม่ยอมหมดซักที ต้องใส่ผ้าอนามัยทุกวันจนเปื่อยไปหมด  ยิ่งถ้าน้ำคาวปลาสีไม่สวย แถมมีกลิ่นอีก นั่นก็แปลว่ามีการอักเสบเกิดขึ้น ไปหาหมอหายาแกอักเสบกินเดี๋ยวก็หาย

 

การดูแลรักษาความสะอาดเรื่องน้ำคาวปลาเนี่ย ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากการดูแลประจำเดือนเลยครับ เพียงแต่ว่าน้ำคาวปลามันจะมีนานกว่าเท่านั้นเอง  ..

 

ที่สำคัญน้ำคาวปลา กลิ่นมันก็ไม่คาวเหมือนชื่อหรอกครับ...แต่ถ้าดูแลรักษาความสะอาดไม่ดี ก็ไม่แน่เหมือนกันนะครับ/.

ความคิดเห็น