ตั้งครรภ์ กับ แมวเหมียว
คนเราตอนยังไม่มีลูก ชีวิตมันก็เหงานะ หลายคนก็เลยต้องมีสัตวเลี้ยงเป็นเพื่อน สัตว์เลี้ยงยอดนิยมของคนเราก็เห็นจะเป็นหมาๆแมวๆนี่แหละ เลี้ยงหมาหมาจะเห็นเราเป็นเจ้านาย หมาจะคอยทำตามคำสั่งเรา คอยดูแลปกป้องเรา แต่กับแมวสั่งมันทำอะไร มันมองด้วยหางตาไปยุ่งกับมันมากมันก็โวยวายใส่อีกต่างหาก ยกเว้นมันต้องการอะไรมันก็จะมาเคล้าแข้งเคล้าขาให้เราใจอ่อน มารยามันเยอะจริงๆ คนเลี้ยงแมวบางคนถึงกับตั้งชื่อประชดตัวเองซะเลยว่าเป็นพวกทาสแมว แต่พอมีลูกนี่สิยิ่งกว่าทาสเสียอีก ตั้งแต่เล็กจนโต ลูกคนต้องการดูแลประคบประหงมมากกว่าลูกแมวลูกหมาเยอะเลยจริงๆ
คนเลี้ยงแมวเลี้ยงหมา บางคนเลี้ยงอย่างกับลูก ไม่ได้ปล่อยวิ่งเล่นกับดินกับทรายนะครับ แมวมีบุญบางตัวกินอาหารอย่างดีทำจากฝรั่งเศส ก่อนนอนก็ต้องคอยแปรงขน นอนก็นอนห้องแอร์ บางคนที่ไม่ได้เว่อร์ปานนั้นแม้ว่าจะกินข้าวคลุกปลาทู เขาก็รักกันเหมือนลูก ครั้นพอตัวเองจะต้องกลายเป็นแม่คนจริงๆ จะเอาแมวไปปล่อยวัด เอาไปยกให้คนอื่น ก็คงทำใจยาก แมวจะจำเจ้าของตัวเองได้แม่น และกลัวคนแปลกหน้ามากๆๆ เอาไปยกให้คนอื่นแมวมันคงร้องให้หนักมาก เวลามองหน้ามัน แมวมันก็มีสีหน้าแววตาที่น่าสงสาร .. สุดท้ายตัดใจไม่ลง แมวน้อยก็เลยยังอยู่ที่เดิม
แต่พอท้องแล้วนี่สิ คนหวังดีรอบตัวนี่มันเยอะมากจริงๆ เดี๋ยวพูดอย่างโน้นอย่างนี้มากมาย ฟังมากๆแล้วจิตตก ยิ่งฟังก็ยิ่งสับสน สุดท้ายชั้นจะทำยังไงดีกันเนี่ย...
อย่างแรกที่ต้องรู้ก็คือ แมวเป็นสัตว์ที่สะอาด ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง แต่ยังไงแมวมันก็ยังเป็นแมว มันไม่ได้กินอาหารสุกร้อนๆอย่างเรา เข้าห้องน้ำแล้วมันก็ไม่ได้เช็ดก้น ไม่ได้ล้างมืออีกต่างหาก มันจะเจ็บป่วยอะไรมันก็ไม่ได้บอกเราสักคำ พฤติกรรมแมวๆแบบนี้ก็ทำให้แมวติดเชื้อพยาธิได้ง่าย แล้วเอาพยาธิมาติดต่อถึงคนได้ง่ายอีกด้วย เมื่อว่าที่คุณแม่ตั้งครรภ์ก็ต้องมีการปรับตัวกันบ้าง ทั้งแมวทั้งคน พยาธิที่เกิดขึ้นในแมวที่มีผลกับคนที่สำคัญก็คือเชื้อที่ชื่อว่า ท๊อกโสพลาสโมสิส
แมวเป็นพาหะของเชื้อที่ว่านี้ และมีการติดต่อในระบบทางเดินอาหาร ถ้าคุณแม่ติดเชื้อนี้ส่วนมากจะไม่มีอาการมากมายอะไร แต่อาจจะมีอาการไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้บ้าง หากคุณแม่ตั้งครรภ์ติดเชื้อนี้ในช่วงอายุครรภ์ 10-24 สัปดาห์ จะทำให้เกิดความพิการในเด็กได้ประมาณ 5-6 % ซึ่งทารกจะมีน้ำหนักตัวน้อย คลอดก่อนกำหนด มีความผิดปกติของตา ภาวะปัญญาอ่อนหรือเกิดความผิดปกติที่สมองได้ หากติดเชื้อหลังจากช่วงสัปดาห์นี้โอกาสความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลูกจะน้อยลง
ดังนั้นเมื่อคุณแม่รู้แล้วว่าโรคนี้มีการติดต่อโดยระบบทางเดินอาหารก็ควรดูแลตัวเอง ดูแลแมวเป็นอย่างดี ให้คุณสามีพาแมวไปหาสัตวแพทย์ ฉีดวัคซีน ถ่ายพยาธิให้ครบถ้วนตามมาตรฐาน ตัวคุณแม่ก็ต้องระวังมากขึ้น ล้างมือให้สะอาดก่อนหยิบอาหารเข้าปาก กินอาหารร้อนและปรุงสุกทุกครั้ง อุ้มแมว เล่นกับแมวแล้วก็ต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ทรายแมวก็ให้คนอื่นดูแลเก็บกวาด บ้านก็ต้องดูแลทำความสะอาดเป็นอย่างดี ถูพื้นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคบ่อยๆ แบ่งพื้นที่ Safe Zone ไม่ให้แมวเข้าไปในพื้นที่บางที่ของบ้านเช่น ห้องนอน ห้องครัว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น