ปฏิทินการตั้งครรภ์ สัปดาห์ที่ 31-40

 


สัปดาห์ที่ 31 

พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย ช่วงนี้น้ำหนักของลูกจะเพิ่มมากกว่าความยาว ปอดของเจ้าตัวน้อยจะพัฒนาขึ้นจนเกือบสมบูรณ์ ถุงลมในปอดสามารถหลั่งสารชนิดหนึ่งออกมาเพื่อช่วยให้ถุงลมสามารถทำหน้าที่ของมันได้ ระบบย่อยอาหารของทารกในครรภ์เกือบสมบูรณ์พร้อมที่จะทำงานแล้วค่ะ ในช่วงนี้คุณแม่อาจสังเกตถึงช่วงเวลาที่เจ้าตัวน้อยกำลังตื่น (มีการเคลื่อนไหว) หรือหลับได้อย่างชัดเจนมากขึ้น สำหรับระบบสืบพันธุ์จะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพศชาย อัณฑะจะเคลื่อนตัวออกจากไตผ่านขาหนีบไปยังถุงอัณฑะ ในเพศหญิงปุ่มคลิตอริสจะเริ่มปรากฏค่ะ 

การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ ตัวมดลูกจะบีบตัวเป็นระยะห่างๆ กัน เป็นการเริ่มต้นการหดรัดตัวของมดลูก ซึ่งจะรุนแรงมากขึ้นแต่ก็ไม่ถึงกับมีการเจ็บปวดเกิดขึ้น และจะบีบรัดตัวครั้งละไม่นานเกิน 30 วินาที คุณแม่จะพบว่า มีการปัสสาวะเล็ดเวลาไอ จามหรือว่าหัวเราะ ซึ่งเป็นอาการที่น่ารำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง เกิดจากการเพิ่มขึ้นของแรงดันในกระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากการขยายตัวของมดลูก วิธีควบคุมไม่ให้ปัสสาวะเล็ดออกมา คือเวลาคุณแม่จะปัสสาวะ ให้เอนตัวไปข้างหน้าเพื่อไล่น้ำออกจากกระเพาะปัสสาวะให้หมด และพยายามเข้าห้องน้ำให้บ่อยครั้ง ทุก 30-60 นาที ควรใส่ผ้านามัยหรือแผ่นซับถ้าจำเป็น ซึ่งอาการนี้จะหายไปเองหลังจากคลอดแล้วค่ะ 

Tips of the Week คุณแม่ท้องก็มีสิทธิ์สวยได้อยู่จริงไหมคะ ถึงรูปร่างจะอุ้ยอ้าย ไม่สเลนเดอร์เหมือนเดิม แต่เราสามารถดูแลตัวเองให้สวยได้เสมอ อย่างเรื่องของทรงผม ในช่วงสัปดาห์นี้ เส้นผมของคุณแม่จะยาวและหนากว่าช่วงเวลาไหนๆ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมน และการไหลเวียนของเลือด อาจทำให้ดูไม่สวยสดใสเหมือนแต่ก่อน คุณแม่จึงควรหาเวลาว่างไปร้านเพื่อให้ช่างช่วยออกแบบทรงผมใหม่ๆ ให้เข้ากับเส้นผมและรูปหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไป อย่าลืมนะคะว่าผู้หญิงอย่าหยุดสวย แม้กระทั่งตอนที่กำลังอวบระยะสุดท้าย เพราะมีเจ้าตัวน้อยๆ อยู่ในท้องค่ะ 

 

สัปดาห์ที่ 32 

พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย เจ้าตัวน้อยจะเริ่มหนักเกือบ 2 กิโลกรัม พอๆ กับแตงโมขนาดย่อมๆ เลยล่ะค่ะ และสามารถหันหัวไปมาได้แล้วคุณแม่อาจรู้สึกว่าลูกดิ้นน้อยลง เนื่องจากลูกตัวใหญ่ขึ้น ในมดลูกไม่ค่อยมีที่ให้เคลื่อนไหวได้มากเหมือนก่อนๆ ตอนนี้ลูกของคุณกำลังอยู่ในท่ากลับหัวลงเพื่อเตรียมพร้อมที่จะคลอดแล้ว อวัยวะต่างๆ ของเขาเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขนอ่อนซึ่งเป็นขนที่ปกคลุมร่างกายเพื่อให้ความอบอุ่นจะค่อยๆ หลุดลอกออก ชั้นไขมันเกาะติดกับชั้นผิว ศีรษะของเจ้าตัวน้อยเริ่มเคลื่อนลงแล้ว ลำตัวของเขาจะใหญ่ขึ้นจนเท้าชี้ขึ้นไปถึงซี่โครง แรงกดทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บชายโครง ตอนนี้ผิวของเจ้าตัวน้อยไม่ได้เป็นสีใสแล้ว ทว่ามีสีใกล้เคียงกับสีผิวคุณแม่แล้วค่ะ 

การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ ลำตัวของลูกจะใหญ่ขึ้นจนเท้าชี้ขึ้นไปถึงซี่โครง แรงกดทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บชายโครง บางขณะคุณแม่จะรู้สึกว่ามดลูกมีการแข็งตัวชั่วครู่ เพราะมดลูกที่ถูกขยายมากๆ จะมีความไวต่อการกระตุ้น ถ้าเป็นบ่อยขึ้นและเริ่มมีอาการเจ็บร่วมด้วย ควรไปพบคุณหมอเพื่อตรวจดูว่าไม่ใช่เป็นการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนด และเก็บปัสสาวะไว้ให้คุณหมอตรวจดูว่า ไม่มีการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการคลอดก่อนกำหนด คุณแม่หลายท่านอาจมีอาการบวมเล็กน้อย ตามมือ ขา หัวเข่าหรือเท้า เนื่องจากร่างกายมีของเหลวมากขึ้น อาการบวมน้ำเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ วิธีบรรเทาอาการบวม คือไม่ควรยืนหรือนั่งนานเกินไปโดยไม่เปลี่ยนท่า ลองเดินสักเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด หรือลองยกขาให้สูงทุกครั้งที่สามารถทำได้ เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงส่วนล่างของร่างกาย และพยายามนอนเอียงทางด้านซ้าย เพื่อให้ไตทำงานได้สะดวกค่ะ 

Tips of the Week นับจากสัปดาห์นี้เป็นต้นไป คุณหมอจะเริ่มนัดถี่ขึ้นเป็นทุกๆ 2 สัปดาห์เพื่อตรวจสุขภาพของคุณแม่และลูกในท้องอย่างใกล้ชิด ควรให้คุณหมอช่วยตรวจดูว่าภาวะโลหิตจางในตัวคุณแม่ว่าเริ่มลดลงหรือยัง ถ้าลดลงแล้ว คุณแม่ควรเลิกรับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็ก เพราะจะทำให้อาการริดสีดวงทวารกำเริบ อย่าลืมขอวิตามินเสริมจากหมอที่คุณฝากครรภ์ด้วย เพราะเจ้าตัวน้อยลูกของคุณแม่ต้องการการบำรุงมากเป็นพิเศษในช่วงนี้ค่ะ

  

สัปดาห์ที่ 33 

พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย สัปดาห์นี้ลูกน้อยของคุณแม่จะมีน้ำหนักตัวประมาณ 2 กิโลกรัม และลำตัวยาวประมาณ 19 นิ้วค่ะ หลังจากนี้ จนถึงครบกำหนดคลอด น้ำหนักของทารกจะขึ้นมาอีกมากกว่าหนึ่งกิโลกรัม ส่วนใหญ่จากการมีชั้นไขมันหนาขึ้น ทำให้ผิวหนังตามตัวมีสีชมพู และนุ่มนิ่มด้วยล่ะค่ะ

ผมของทารกน้อยหนาขึ้น สีผมในช่วงนี้อาจเปลี่ยนไป เมื่อทารกโตขึ้น ขณะเดียวกัน ขนอ่อนลานูโก้ตามส่วนต่างๆ จะหลุดร่วงไปเกือบหมด และสร้างขนชุดใหม่ที่หนาขึ้นปกคลุมไขเคลือบผิวหนัง นัยน์ตาดำของลูกน้อยเริ่มสามารถปรับให้เข้ากับแสงสว่างหรือความมืดสลัวเหมือนกับคุณแม่ได้แล้วค่ะ และปริมาณน้ำคร่ำจะอยู่สูงสุด ไม่มีที่ว่างเหลือ เนื่องจากของเหลวมีพื้นที่รองรับน้อยลง ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของเจ้าตัวน้อยนั้น ทำให้คุณแม่รู้สึกอึดอัดค่ะ 

สมองของลูกน้อย ระยะนี้ สมองมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ระบบประสาทส่วนกลางของทารกพัฒนาไปอย่างมาก เส้นใยประสาทมีการสร้างเยื่อหุ้มที่มาจากไขมัน ทำให้การส่งผ่านสัญญาณในเส้นประสาททำได้รวดเร็วขึ้น มีการแผ่กิ่งก้านสาขา เพื่อเชื่อมต่อกันเป็นร่างแหของระบบประสาท 

การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ ภาวะโลหิตจางในตัวคุณแม่ลดลง สืบเนื่องมาจากปริมาณพลาสมาเริ่มมีปริมาณเท่ากับเซลล์เม็ดเลือดแดง อีกทั้งภาวะร่างกายของคุณแม่ในช่วงนี้ จะสามารถดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารมื้อปกติเพิ่มขึ้น คุณแม่จึงไม่ต้องกังวลกับการบำรุงด้วยธาตุเหล็กอีกต่อไปแล้ว เว้นแต่คุณแม่จะเป็นโรคโลหิตจางค่ะ ในระยะนี้ มดลูกจะหดรัดตัวเป็นก้อนนูนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คุณแม่จะรู้สึกเกร็งที่ยอดมดลูก และค่อยๆ คลายตัวลงมา หากมีของเหลวไหลออกมาทางช่องคลอดด้วย คุณแม่ต้องรีบไปพบคุณหมอทันทีค่ะ 

Tips of the Week ถ้าคุณแม่รู้สึกเจ็บบริเวณซี่โครง เพราะลูกน้อยถีบตรงบริเวณนั้น ควรนั่งหลังตรงและเอามือลูบบริเวณนั้นเบาๆ เพื่อทักทายและบอกให้ลูกรับรู้ถึงแรงทักทายของเขา สำหรับคุณแม่ที่ทำงาน ควรเคลียร์งานให้เรียบร้อยล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัวลาคลอดก่อนครบกำหนดคลอด 2-4 สัปดาห์ ค่ะ 

 

สัปดาห์ที่ 34

พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย เจ้าตัวน้อยของคุณแม่จะหนักกว่า 2 กิโลกรัม และยาวขึ้นมาอีก 1/2 นิ้ว ส่วนใหญ่จะอยู่ในท่าเอาศีรษะลงมาอยู่เหนือช่องเชิงกราน ในท่ากลับหัวและเตรียมพร้อมที่จะออกมาดูโลกแล้ว ต่อมหมวกไตของเขาจะผลิตฮอร์โมน สเตียรอยด์มากขึ้นเป็น 10 เท่า การทำงานของปอดดีขึ้น หากเกิดกรณีคลอดก่อนกำหนด คุณหมอจะเจาะตรวจน้ำคร่ำ เพื่อทดสอบความเจริญของปอด หากพบว่าปอดยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ คุณหมอจะฉีดยาเร่ง เพื่อขยายการเติบโตในปอดของทารก 

สมองของลูกน้อย เซลล์สมองทารกขยายขนาดโตขึ้น มีการแผ่ขยายสร้างโยงใยของระบบประสาทมากขึ้น สมองมีการหยักตัวเป็นร่องเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นแหล่งเก็บสะสมข้อมูล ยิ่งเซลล์สมองมีขนาดใหญ่ มีเส้นใยมากมีการเชื่อมโยงประสานของเส้นใยมาก มีร่องสมองมาก ก็ยิ่งจะทำให้มีความจำ มีการเรียนรู้ และรับรู้ข้อมูลต่างๆ เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ คุณแม่บางคนจะรู้สึกว่าท้องเริ่มลดลง เนื่องจากส่วนนำของเจ้าหนูเคลื่อนลงไปใน ช่องเชิงกรานได้บ้างแล้ว ทำให้รู้สึกว่าบริเวณลิ้นปี่โล่งขึ้น และหายใจสะดวกขึ้น ถ้าตั้งใจว่าจะให้นมลูกหลังคลอด ควรหมั่นดูแลหัวนมไม่ให้แห้ง และถ้าคุณแม่มีหัวนมบอด ควรลองใช้นิ้วมือคีบและดึงออกมาบ่อยๆ และที่สำคัญคุณแม่อย่าลืมฝึกการหายใจระหว่างเจ็บครรภ์คลอดและการเบ่งคลอด ตามที่ได้เรียนมาด้วยนะคะ 

Tips of the Week การดื่มน้ำเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ เนื่องจากอาการขาดน้ำจะกระตุ้นให้ร่างกายทำการซ้อมหดรัดตัวของมดลูก นอกจากนี้น้ำยังช่วยในการเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ช่วยให้สารอาหารไหลเวียนในร่างกาย ช่วยในการย่อยอาหารและช่วยรักษาระดับของน้ำคร่ำ ซึ่งคุณแม่สามารถดื่มของเหลวอย่างอื่นแทนน้ำเปล่าได้ เช่น น้ำผลไม้100% และนม แต่ควรดื่มน้ำเปล่าให้มากที่สุดนะคะ

 

สัปดาห์ที่ 35 

พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย เจ้าตัวน้อยของคุณแม่จะหนักเกือบสองกิโลครึ่งและตัวยาวกว่า 20 นิ้วแล้ว ซึ่งเป็นขนาดที่ใกล้เคียงกับตอนที่จะคลอด และช่วงสัปดาห์นี้จะมีการสะสมไขมันไขมันใต้ผิวหนังมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณช่วงหัวไหล่ ปอดสมบูรณ์และพร้อมที่จะทำงานได้เอง ถ้าคลอดก่อนกำหนดออกมาในช่วงนี้ และจากการตรวจคลื่นสมองพบว่า เจ้าตัวน้อยเริ่มมีการฝันเวลานอนหลับได้เหมือนผู้ใหญ่แล้วนะคะ 

การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ ยอดมดลูกขยับขึ้นในระดับสูงสุด อยู่ใต้กระดูกสันอกทำให้คุณแม่หายใจขัดเจ็บชายซี่โครงและ รับประทานอาหารลำบาก ขอแนะนำให้คุณแม่ลองใช้วิธีเดียวกับตอนแพ้ท้องใหม่ๆ นั่นคือการรับประทานอาหารมื้อเล็กๆ แต่บ่อยครั้ง และพักผ่อนให้มาก จะช่วยให้อาการเหล่านี้ดีขึ้นได้ค่ะ 

Tips of the Week ในช่วงใกล้คลอด คุณแม่ไม่ควรไปไหนไกลๆ แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นให้ต้องเดินทางจริงๆ ควรพกพาสมุดบันทึกประวัติสุขภาพครรภ์ไปด้วย (คุณหมอจะต้องทำบันทึกไว้ทุกครั้งที่คุณแม่ไปตรวจตามนัด) เพื่อว่าหากเกิดเจ็บท้องคลอดกะทันหันที่ไหน สูติแพทย์ที่อยู่บริเวณนั้นจะได้ให้การช่วยเหลือคุณแม่ได้ถูกต้องค่ะ 

 

สัปดาห์ที่ 36 

พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย เจ้าตัวน้อยของคุณแม่ยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนหนักเกิน 2 กิโลครึ่ง และจะมีใบหน้าที่กลมโต เนื่องจากกล้ามเนื้อต่างๆ ได้รับการพัฒนาที่สมบูรณ์พร้อมที่จะทำงานแล้ว และแม้ว่ากระดูกของเค้าจะเริ่มแข็ง แต่กะโหลกศีรษะจะยังคงอ่อนและยืดหยุ่นในช่วงเวลาคลอด และถ้าคลอดออกมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์นี้เป็นต้นไป ถือว่าเป็นทารกที่ครบกำหนดแล้วค่ะ สามารถหายใจได้เองและดูดนมได้ คุณแม่ไม่ต้องวิตกว่าจะต้องเข้าตู้อบหลังคลอดค่ะ 

การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ ในสัปดาห์นี้ข้อต่อและเนื้อเยื่อในร่างกายของคุณแม่จะคลายตัวและอ่อนนุ่ม เตรียมพร้อมเพื่อจะคลอดลูกน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณกระดูกเชิงกราน และยิ่งใกล้วันครบกำหนดคลอด มดลูกจะยังคงซ้อมหดรัดตัวถี่ขึ้น คุณแม่ควรจำไว้ว่า การซ้อมหดรัดตัวของมดลูกจะมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ร่างกายคุณแม่ชินต่อการคลอดค่ะ คุณแม่จะสังเกตได้ว่าในช่วงนี้ลูกน้อยเริ่มดิ้นน้อยลง นั่นเพราะตอนนี้เขามีขนาดลำตัวที่ใหญ่จนเต็มพื้นที่ภายในช่องท้องของคุณแม่ และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกอีกต่อไป ถ้ารู้สึกว่าลูกไม่ดิ้นเป็นเวลาสิบกว่าชั่วโมงแล้ว ให้ลองกระตุ้นตัวเด็กเบาๆ หรือดื่มน้ำเย็นสักแก้ว ถ้ายังไม่รู้สึกว่าลูกดิ้น ควรปรึกษาคุณหมอนะคะ คุณแม่จะเริ่มรู้สึกว่าท้องแข็งและเจ็บบ่อยขึ้น เพราะมดลูกมีการบีบตัว ที่เรียกว่าเจ็บครรภ์เตือน การหดตัวรัดตัวนี้ก็เพื่อดันตัวทารกมาประชิดปากมดลูกเพื่อเตรียมพร้อมที่จะคลอดออกมานั่นเอง ลักษณะก็คือ มีการแข็งตัวทั่วท้อง แต่นานไม่เกิน 30 วินาที และวันหนึ่งไม่ควรเกิน 8-10 ครั้ง ถ้าเจ็บแล้วลองเปลี่ยนอิริยาบถ มักจะหายไปเอง แต่ถ้ากลับเจ็บเป็นเวลานานขึ้นและถี่ขึ้นเรื่อยๆ หรือร่วมกับมีมูกปนเลือดออกมาทางช่องคลอด ควรไปพบคุณหมอได้แล้วค่ะ 

Tips of the Week แม้ว่ายังเหลือเวลาอีกหลายสัปดาห์ก่อนถึงวันครบกำหนดคลอด แต่คุณแม่ควรจัดเตรียมสิ่งของสำหรับช่วงเวลาที่ต้องไปอยู่โรงพยาบาลได้แล้ว โดยแยกสิ่งของออกเป็นสองกระเป๋า ใบหนึ่งใช้สำหรับระหว่างคลอด อีกใบหนึ่งใช้สำหรับช่วงที่ต้องอยู่โรงพยาบาลค่ะ สำหรับอุปกรณ์ที่ไม่สามารถจัดเตรียมล่วงหน้าได้ ควรแปะกระดาษโน้ตไว้ด้านหน้าของกระเป๋าเพื่อเตือนตัวเองเมื่อถึงเวลาที่ต้องไปโรงพยาบาล และสุดท้ายควรวางกระเป๋าไว้ที่ที่สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายด้วยนะคะ

  

สัปดาห์ที่ 37

พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย สัปดาห์นี้เจ้าตัวน้อยจะเริ่มมีอัตราการเติบโตไม่รวดเร็วเหมือนก่อนหน้านี้ เพราะรกเริ่มจะทำหน้าที่ได้ลดลงค่ะ ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกมาดูโลกได้ทุกขณะ แต่ถ้าปากมดลูกคุณแม่ยังไม่เปิด เขาก็ยังจะเจริญเติบโตจนครบ 40 สัปดาห์ ระหว่างสัปดาห์นี้ ลูกของคุณแม่กำลังเอาศีรษะลงมาถึงบริเวณกระดูกอุ้งเชิงกรานแล้วค่ะ 

การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ ช่วงสัปดาห์นี้คุณหมอจะตรวจดูว่าปากมดลูกใกล้ที่จะเปิดหรือยัง มีความหนามากเกินไปหรือไม่ และเด็กอยู่ในท่าไหน และตำแหน่งไหนแล้ว ช่วงนี้คุณแม่ควรไปพบคุณหมอบ่อยขึ้นตามนัด คือสัปดาห์ละครั้ง เพราะอาจมีอาการของโรคครรภ์เป็นพิษ หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ง่าย อาจต้องตรวจภายใน ดูว่าไม่มีการอักเสบและติดตามการบางลงและเปิดออกของปากมดลูก ถ้าคุณแม่มีเจ็บท้องเตือนบ่อยมาก 

Tips of the Week ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะในการเริ่มคิดถึงการคุมกำเนิดหลังคลอด โดยเฉพาะถ้าคุณแม่และสามีตกลงใจว่าไม่ต้องการมีบุตรคนต่อไปอย่างแน่นอนแล้ว และสามียินยอมทำหมันชาย ควรติดต่อศัลยแพทย์ปรึกษาเรื่องทำหมันค่ะ เพราะหมันชายมักต้องใช้เวลาเกือบสามเดือนจึงจะมั่นใจได้ว่าปลอดภัย แม้คุณแม่จะให้นมบุตรหลังคลอดนานกว่า 1-2 เดือน ก็ยังอาจตั้งครรภ์ได้ ถ้าไม่ใช้การคุมกำเนิดระหว่างที่ให้นมบุตร

 

สัปดาห์ที่ 38 

พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย ไขเคลือบผิวของเจ้าตัวน้อยจะลอกออกมาปะปนอยู่ในน้ำคร่ำที่ทารกกลืนเข้าไป น้ำดีและน้ำคร่ำที่ทารกกลืนเข้าไปจะสะสมอยู่ในลำไส้ของทารกไปจนถึงคลอด ซึ่งทารกจะถ่ายของเสียนี้ออกมาเป็นอุจจาระสีเขียวแก่ที่เรียกว่า ขี้เทา หากมีน้ำไหลออกมาเป็นสีเขียว-น้ำตาล อาจแสดงได้ว่ามีขี้เทาผสมอยู่ในน้ำคร่ำของคุณแม่ค่ะ 

สมองของลูกน้อย ระบบประสาทของเจ้าตัวน้อยจะทำงานมากขึ้น สมองจะช่วยให้หายใจ พัฒนาระบบย่อยอาหาร ควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ และเตรียมพร้อมสำหรับการรับประทานอาหาร 

การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ เมื่อเจ้าตัวน้อยเริ่มเคลื่อนศีรษะลงมาอยู่ที่อุ้งเชิงกราน จะทำให้คุณแม่รู้สึกโล่ง และหายใจสะดวกขึ้น แต่จะหน่วงในช่องเชิงกรานมากขึ้น เพราะส่วนนำของทารกจะลงไปกดอวัยวะในช่องเชิงกราน ทำให้ปวดที่หัวเหน่า และน้ำหนักของมดลูกจะไปกดทับที่กระเพาะปัสสาวะแทน ทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้นมาก ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้นค่ะ 

Tips of the Week คุณแม่ควรทำรายชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ที่จะติดต่อหลังจากคลอดให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้ตกหล่นเมื่อถึงเวลาจริงค่ะ และจัดทำแผนเตรียมตัวคลอดให้เรียบร้อย แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอาจไม่เป็นไปตามแผน แต่อย่างน้อยก็จะรู้ถึงความต้องการของตัวเอง และสามารถเลือกสิ่งที่ต้องการได้ในกรณีฉุกเฉินค่ะ 


สัปดาห์ที่ 39 

พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย เจ้าตัวน้อยของคุณแม่ควรจะมีน้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม และตัวยาวประมาณ 21 นิ้ว สารแอนตี้บอดี้ในร่างกายของคุณแม่จะอาจซึมผ่านผนังกั้นรก และเข้าสู่ในกระแสเลือด ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันโรคชั่วคราให้ลูก และจะหายไปภายใน 6 เดือน ซึ่งจะเป็นช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันของทารกจะเจริญเต็มที่ คุณหมอจะให้คำแนะนำกับคุณแม่ถึงอาการเจ็บท้องคลอดในระยะแรก ซึ่งจะมีการหดรัดตัวของมดลูกแรงขึ้น เมื่อเคลื่อนไหวร่างกายเป็นจังหวะสม่ำเสมอและบ่อยครั้ง ถุงน้ำคร่ำแตก และมีของเหลวไหลออกมาพร้อมกับเลือด คุณควรรีบไปโรงพยาบาลได้เลยค่ะ 

การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ อาการเจ็บครรภ์เตือนเกิดขึ้น ความรู้สึกจะใกล้เคียงกับการเจ็บครรภ์คลอดจริง คุณแม่อาจรู้สึกว่ามดลูกหดรัดตัวเป็นช่วงๆ แล้วก็หายไป หากรู้สึกถึงการหดรัดตัวอย่างต่อเนื่อง นั่นคือสัญญาณว่าคุณแม่กำลังจะคลอดแล้วค่ะ คุณแม่สามารถจับเวลาของการหดรัดตัวของมดลูกตั้งแต่ตอนเริ่ม ควรแจ้งให้คุณหมอทราบหากรู้สึกว่ามดลูกหดรัดตัวถี่ขึ้น มีการบีบรัดที่แน่นและนานขึ้น 

Tips of the Week คุณแม่ควรทำจิตใจให้สบาย คิดถึงลูกน้อยที่จะคลอดออกมา อาการเจ็บท้องคลอดจะเป็นเรื่องเล็กไปเลยเพราะเราจะได้ลูกมาเชยชมแล้ว เพื่อให้ระบบประสาทของคุณแม่ผ่อนคลายขึ้น ลองขอวิตามินบี 1 จะช่วยวิตามินบี 1 จากคุณหมอมากินก็ได้ค่ะ

 

สัปดาห์ที่ 40 

พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย หลังจากรอคอยมา 9 เดือน คุณแม่และลูกน้อยจะได้เจอกันแล้ว! ลูกน้อยของคุณแม่จะเติบโตเต็มที่และจะคลอดในสัปดาห์นี้แหละค่ะ 

การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ จุกเมือกที่ปากทางเข้ามดลูกลอกตัวออกมา ปากมดลูกเปิดออก ถุงน้ำคร่ำแตกของเหลวและเลือดไหลออกมาการหดรัดตัวของมดลูกแรงขึ้น เป็นจังหวะสม่ำเสมอและถี่ขึ้นเรื่อยๆ และแล้วเวาคลอดก็มาถึง! ถ้าคุณแม่เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็คงได้แต่รอให้เจ็บครรภ์ถี่ หรือมีน้ำเดิน บางคนจะมีมูกปนเลือด ออกมา 1-2 วันก่อนเจ็บครรภ์จริง ถ้าเด็กยังคงดิ้นอย่างน้อย 2-3 ครั้งช่วงที่คุณแม่ตื่นอยู่ และคุณแม่ไปฝากครรภ์จนครบ 41 สัปดาห์พบว่าปกติ ยังคงให้รอต่อไปได้ แต่หลังจากนี้มักจะต้องมีการติดตามใกล้ชิดทุก 3-4 วัน ต้องตรวจภายใน ตรวจอัลตร้าซาวนด์ดูจำนวนน้ำคร่ำ การเคลื่อนไหวของเด็กและต้องบันทึกการเต้นของหัวใจเด็กด้วยเครื่องอิเล็คทรอนิกส์ ส่วนใหญ่ถ้าถึง 42 สัปดาห์แล้ว ยังไม่เจ็บครรภ์เอง การรอต่อไปมีผลเสียมากกว่าผลดี เพราเสี่ยงที่รกจะฝ่อแล้วลูกจะขาดน้ำขาดอาหารค่ะ ควรใช้ยากระตุ้นให้คลอด หรือถ้าปากมดลูกยังปิดแน่น ศีรษะเด็กยังสูงมาก มีโอกาสต้องผ่าตัดคลอดได้มากค่ะ 

Tips of the Week หลังการคลอดแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ การให้ลูกกินนมแม่ เพราะจะดีทั้งกับตัวลูกและตัวคุณแม่เองค่ะ

ความคิดเห็น