ปฏิทินการตั้งครรภ์ สัปดาห์ที่ 21-30
สัปดาห์ที่ 21
พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย ในสัปดาห์นี้เจ้าตัวน้อยจะมีขนาดลำตัวยาว 7 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 300 กรัม ระบบการย่อยอาหารของลูกน้อยเริ่มพัฒนา โดยสามารถดูดซึมน้ำตาล และน้ำตาลจากน้ำคร่ำที่กินเข้าไป ผ่านระบบการย่อยอาหารที่สร้างเสร็จแล้ว และสามารถขับของเสียออกมาได้ อาหารหลักๆ ที่ลูกได้รับจะมาทางรกและสายสะดือ โดยน้ำคร่ำจะเปลี่ยนแปลงทุกวันไปตามชนิดของอาหารที่คุณแม่ทาน เนื่องจากต้องดื่มของเหลวจากตัวคุณแม่ เท่ากับว่าแม่ทานอะไร ลูกก็ได้ทานสิ่งนั้นค่ะ ลูกเริ่มเคลื่อนไหวไปรอบๆ ท้องน้อยมากขึ้น และจะเริ่มดิ้นแรง จนคุณแม่จะรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของทารกอย่างชัดเจนขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้ การทำบันทึกจำนวนครั้งของการดิ้นของทารกในครรภ์เป็นอีกวิธีหนึ่งที่คุณสามารถตรวจเช็คสุขภาพของลูกน้อยในครรภ์ได้ด้วยตัวคุณเอง หากคุณแม่รู้สึกว่าลูกไม่ค่อยดิ้น หรือไม่ดิ้นเลย ควรรีบบอกให้คุณหมอทราบทันที
สมองของลูกน้อย สมองของลูกกำลังพัฒนาเซลล์ประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้แก่ การได้กลิ่น ลิ้มรส การได้ฟัง ได้เห็น และการสัมผัส เซลล์สมองส่วนใหญ่พัฒนาตัวเองอย่างสมบูรณ์ และเริ่มมีการจัดระดับตัวเองที่พื้นผิวสมองเป็นชั้นๆ ตามโครงสร้างแต่ละส่วนของสมอง ทำให้ระบบประสาทเริ่มสมบูรณ์
การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ ในช่วงนี้หน้าอกของคุณแม่จะขยายใหญ่ขึ้น เพื่อเตรียมที่จะผลิตน้ำนมสำหรับลูกน้อย เนื่องจากร่างกายคุณแม่ต้องผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงใหม่อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงควรได้รับธาตุเหล็กอย่างน้อยวันละ 30 มิลลิกรัม เพื่อป้องกันภาวะโลหิตจาง
Tips of the week ช่วงครึ่งหลังของการตั้งครรภ์นี้ ทารกจะโตเร็วขึ้น จึงต้องการสารอาหารมากขึ้น คุณแม่ควรทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ ให้ครบทุกหมวดหมู่ หลีกเลี่ยงอาหารดิบๆ ของหมักดอง รสเผ็ดจัด เค็มจัด หรือหวานจัด ควรทานอาหารมื้อเล็กลงแต่บ่อยขึ้น และพยายามรักษาน้ำหนักตัวไม่ให้เพิ่มเกินเดือนละ 2 กิโลกรัม และควรทานวิตามินรวมที่คุณหมอแนะนำทุกวันค่ะ
สัปดาห์ที่ 22
พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย เจ้าตัวน้อยจะมีขนาดยาว 7.5-8 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 500 กรัม เทียบเท่ากับหัวกะหล่ำปลีเล็กๆ ผิวของทารกหนาขึ้นเป็น 4 ชั้น ต่อมพิเศษในร่างกายหลั่งไขเคลือบผิวที่มีลักษณะคล้ายขี้ผึ้งออกมาเพื่อป้องผิวบอบบาง ขณะที่ขนอ่อนยึดไขเคลือบผิวไว้ ระบบสืบพันธุ์จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในเพศชาย ลูกอัณฑะจะเริ่มเคลื่อนลงมา เพศหญิงรังไข่และมดลูกตะเคลื่อนลงสู่ตำแหน่งปกติ และพัฒนาช่องคลอด ซึ่งจะมีไข่เพียงพอสำหรับการเจริญพันธุ์ในอนาคต
สมองของลูกน้อย ผิวของสมองทารกที่ราบเรียบจะถูกพัฒนาให้มีจีบ มีรอยหยัก รอยย่น เซลล์ประสาทพัฒนาอย่างสมบูรณ์ ประสาทสัมผัสเจริญเต็มที่ ลูกน้อยจะใช้ประสาทส่วนนี้ในการเรียนรู้การเคลื่อนไหวความแตกต่าง และความสัมพันธ์ระหว่างส่วนต่างๆ ของร่างกาย
การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ มดลูกของคุณแม่จะเริ่มฝึกตนเองเพื่อเตรียมความพร้อมเวลาคลอด ด้วยการหดรัดตัวเป็นบางครั้ง ซึ่งทางการแพทย์เรียกอาการนี้ว่า การซ้อมหดรัดตัวของมดลูก หรือบางครั้งก็เรียกว่าการเจ็บหลอก แต่คุณแม่จะเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย และเกิดขึ้นอย่างไม่สม่ำเสมอ โดยการซ้อมหดรัดตัวแต่ละครั้งจะใช้เวลาและระดับของการหดรัดตัวไม่เท่ากัน แต่หากคุณแม่รู้สึกว่ามดลูกหดรัดตัวมากกว่า 6 ครั้งใน 1 ชั่วโมง และนานกว่า 30 วินาทีในแต่ละครั้ง และอาการไม่หายไป แม้ว่าจะขยับตัว ควรรีบปรึกษาคุณหมอนะคะ
Tips of the week ตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงครบกำหนดคลอด อัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกายคุณแม่จะเพิ่มมากกว่าปกติถึงกว่า 20 % ค่ะ คุณแม่จะรู้สึกขี้ร้อนมาก ทั้งกลางวันและกลางคืน ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งหรือที่อับนานๆ ควรดื่มน้ำมากขึ้นโดยเฉพาะช่วงเช้าและกลางวัน น้ำผลไม้ เช่น น้ำส้ม นอกจากช่วยดับกระหายแล้ว ถ้าดื่มหลังทานอาหาร จะมีวิตามิน ซี ซึ่งช่วยในการดูดซึม ธาตุเหล็ก ที่จำเป็นในการสร้าง เม็ดเลือดสำหรับทั้งคุณแม่และลูกน้อยด้วยค่ะ
สัปดาห์ที่ 23
พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย ลูกน้อยของคุณแม่จะหนักราวๆ ครึ่งกิโลกรัม ทุกส่วนของร่างกายจะโตขึ้นมาได้สัดส่วน เหมือนทารกแรกเกิดที่ครบกำหนด เพียงแต่เล็กและผอมเพราะยังไม่มีการสะสมชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ปอดของเจ้าตัวน้อยจะผลิตสารที่เรียกว่า สารลดแรงตึงผิว ซึ่งจะช่วยให้ปอดพองตัวและหดตัวโดยไม่ทำให้ปอดยุบหรือเกาะติดกันเวลาหดตัว และเส้นเลือดในปอดของลูกน้อยจะขยายและพัฒนาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการหายใจ ซึ่งเจ้าตัวน้อยจะเริ่มฝึกการหายใจ โดยการหายใจเอาน้ำคร่ำเข้าสู่ปอดที่กำลังพัฒนา ซึ่งเป็นการฝึกการทำงานของกระบังลมเสียมากกว่า เพราะทารกจะได้รับออกซิเจนจากคุณแม่ผ่านทางรกอยู่แล้ว
การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ คุณแม่จะปวดหลังมากขึ้น เนื่องจากการขยายตัวของท้องและข้อต่อ กระดูกสันหลังส่วนล่างอาจจะงอไปทางข้างหลัง เพื่อให้รักษาความสมดุลของร่างกายที่โน้มมาข้างหน้าเพราะขนาดของท้อง และรองรับน้ำหนักของลูกน้อยที่กำลังเจริญเติบโต บางครั้งคุณแม่อาจจะรู้สึกเสียการทรงตัวเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการตั้งครรภ์ นอกจากการเสียศูนย์แล้ว ฮอร์โมนที่ร่างกายผลิตจะทำให้ข้อต่อและเส้นเอ็นหลวมซึ่งอาจทำให้บังคับร่างกายได้ยากขึ้นค่ะ ช่วงนี้คุณแม่ที่เคยมีสะดือบุ๋ม อาจจะถูกมดลูกดันให้กลายเป็นสะดือจุ่นได้ แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะเมื่อคลอดแล้วก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมค่ะ
Tips of the week ลูกน้อยมีเซลล์เม็ดเลือดแดงจำนวนมาก และเริ่มที่จะผลิตเม็ดเลือดขาว ส่วนตัวคุณแม่เองก็ยังคงมีปริมาณเลือดที่เพิ่มเป็นพลาสมา ซึ่งจะไปเจือจางเม็ดเลือดแดงทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจางได้ในช่วงนี้ คุณแม่จึงควรให้คุณหมอตรวจดูว่าร่างกายได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอที่จะไม่ทำให้เกิดภาวะโลหิตจางจนเข้าขั้นอันตราย
สัปดาห์ที่ 24
พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย
สัปดาห์นี้เจ้าตัวน้อยจะมีความยาว 8 นิ้วเศษ หนักประมาณ 700 กรัม
ริมฝีปากจะเริ่มปรากฏชัดขึ้นในสัปดาห์นี้ มีปุ่มโผล่ดุนเหงือกขึ้นมาเรียงเป็นแถว
เจ้าตัวน้อยจะสามารถรับรู้ได้ว่าตำแหน่งของตัวเองกำลังกลับหัวหรือตั้งหัวขึ้นถูกด้านแล้ว
เนื่องจากหูชั้นในซึ่งควบคุมการทรงตัวได้รับการพัฒนาสมบูรณ์แล้ว
การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ ส่วนตัวคุณแม่เองน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่คงที่ และมีตกขาวมากขึ้นกว่าปกติ ไม่ต้องกังวลค่ะ นี่เป็นผลจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ถ้าตกขาวมีสีสันแปลกๆ แถมมีกลิ่นด้วย อย่างนี้ต้องไปปรึกษาคุณหมอให้ช่วยตรวจดู เพราะอาจมีสาเหตุมาจากช่องคลอดติดเชื้อ ซึ่งถ้าปล่อยไว้จนอักเสบมาก อาจเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดได้ ถ้าคุณแม่น้ำหนักตัวขึ้นมากกว่าที่ควร ต้องลดอาหารไขมัน หรือเนื้อสัตว์ มดลูกที่โตมากแล้ว บวกกับฮอร์โมนของการตั้งครรภ์ จะทำให้ลำไส้ทำงานช้าลงมากมีโอกาสท้องผูกได้ง่ายค่ะ ถ้าปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เป็นริดสีดวงทวารได้ง่าย ควรป้องกันโดยการทานอาหารที่มีกากหรือเส้นใยสูง เช่น ผักทุกชนิด ร่วมกับการดื่มน้ำให้มาก และการเดินออกกำลังกายหลังอาหารตามที่เคยแนะนำไว้แล้วค่ะ
Tips of the week ช่วงนี้ระบบการได้ยินของลูก ถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์ คุณแม่จึงควรพูดคุยกับลูกในท้องบ่อยๆ ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใช้ประโยคซ้ำๆ เพื่อให้ลูกคุ้นเคย เสียงของคุณแม่จัดเป็นเสียงธรรมชาติที่ดีที่สุด การพูดคุยกับลูกในครรภ์บ่อยๆ ช่วยให้ระบบประสาทและสมองที่ควบคุมการได้ยินมีพัฒนาการที่ดี เตรียมพร้อมสำหรับการได้ยินหลังคลอด และเตรียมพร้อมสำหรับการพูดและพัฒนาการด้านภาษาให้ลูกหลังคลอดด้วย
สัปดาห์ที่ 25
พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย ปลายสัปดาห์นี้ ลูกยาว 8-9 นิ้ว หนักประมาณ 800 กรัม ปอดของทารกเริ่มสร้างสารที่ช่วยให้ถุงลมในปอดขยายได้ค่ะ เส้นเลือดในปอดของลูกกำลังพัฒนาเพื่อเตรียมตัวสำหรับการหายใจด้วยตัวเองแล้ว แต่ตอนนี้เขายังอาศัยออกซิเจนจากคุณแม่อยู่ จนกว่าจะคลอดออกมา อาหารเสริมของเขาในช่วงนี้ คือ ของเหลวในน้ำคร่ำ เขาชอบที่จะกลืนและขับถ่ายน้ำคร่ำในรกและสะอึกบ้างในบางครั้ง มือของเจ้าหนูจะได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ การเชื่อมต่อของเส้นประสาทในมือมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหนูในช่วงนี้สามารถกำและเคลื่อนไหวมือได้แล้วค่ะ
การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ ช่วงปลายสัปดาห์ มดลูกของคุณแม่จะหดรัดตัวเพื่อเตรียมร่างกายสำหรับการเจ็บท้องคลอด คุณแม่อาจรู้สึกว่าหน้าท้องมีก้อนแข็งนูนขึ้นมาเป็นระยะๆ โดยไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด แต่หากมีอาการเจ็บปวดและท้องขยายใหญ่มากอาจเป็นอาการรกลอกตัวก่อนกำหนดได้ คุณแม่ควรรีบไปพบคุณหมอทันที หากช้า อาจทำให้ลูกของคุณขาดออกซิเจนจนเป็นอันตรายต่อสมอง และอาจถึงชีวิตได้ค่ะ
Tips of the week ความตื่นเต้นของการตั้งครรภ์ในช่วงแรกๆ อาจจะเริ่มหายไปเพราะจะถูกครอบคลุมด้วยความไม่สบายกาย ไม่สบายใจบ้าง ก็ถือเป็นเรื่องปกติค่ะ คุณแม่ลองเปลี่ยนสิ่งที่ทำจำเจอยู่เพื่อหาสิ่งใหม่ๆ ทำดูบ้าง เช่น ลาหยุดงานไปแต่งหน้าแต่งเล็บ ไปดูภาพยนตร์ หรือเดินช็อปปิ้งเล่นบ้างก็จะทำให้ความเบื่อลดลง กลับมาเป็นว่าที่คุณแม่ที่อารมณ์ดีอีกครั้งค่ะ
สัปดาห์ที่ 26 พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย
เจ้าตัวน้อยจะมีน้ำหนักเกือบ 1 กิโลกรัม ช่วงปลายสัปดาห์
มักจะชอบเหยียดขาทั้งสองข้างแก้เมื่อยเป็นพักๆ จนคุณแม่รู้สึกเหมือนมีอะไรมาดันลิ้นปี่ให้จุกได้
ผมบนศีรษะของลูกจะเริ่มยาวและหนาขึ้น มีการสะสมไขมันไว้ใต้ผิวหนัง
ปอดของหนูน้อยเริ่มขยับขึ้น-ลง
คล้ายกับว่าเขากำลังหายใจด้วยตัวเองแล้ว
แต่ความจริงแล้วเป็นการซ้อมทำหน้าที่ของปอดเท่านั้น ทันทีที่หัวใจของทารกเริ่มเต้น
คุณหมอจะตรวจดูจังหวะการเต้นว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ซึ่งนอกจากการตรวจโดยใช้ฟังเสียงหัวใจทารกเต้นแล้ว
คุณหมอก็จะทำการอัลตราซาวนด์ เพื่อดูพัฒนาการของกล้ามเนื้อหัวใจในเด็กด้วย
สมองของลูกน้อย เซลล์สมองที่ทำหน้าที่จดจำ เริ่มทำหน้าที่
ทำให้ลูกสามารถจดจำเสียงของพ่อแม่ที่พูดคุยกับเขาได้ ……………. ……………………… การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่
เนื่องจากมดลูกขยายตัวและเกิดการกระตุ้นของฮอร์โมนที่มีผลต่อระบบย่อยอาหาร
ทำให้คุณแม่เกิดอาการจุกเสียดท้อง หรือท้องผูกได้
จึงควรให้ความสำคัญกับการกินอาหาร โดยคุณแม่อาจกินอาหารมื้อละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
รับประทานอาหารอย่างช้า ๆ เคี้ยวให้ละเอียด ไม่ควรกินอาหารแล้วเข้านอนเลย ควรรอให้อาหารย่อยก่อน
Tips of the week คุณแม่ที่ยังต้องยืนมาก หรือนั่งนานๆ จะรู้สึกหน่วงๆ ที่เหนือหัวเหน่า อาจลองหาชุดชั้นในที่ทำสำหรับคนท้องที่มีแผ่นรองช่วยพยุงบริเวณส่วนล่างของหน้าท้อง จะช่วยบรรเทาอาการได้
คุณแม่ที่ยังต้องยืนมาก หรือนั่งนานๆ
จะรู้สึกหน่วงๆ ที่เหนือหัวเหน่า อาจลองหาชุดชั้นในที่ทำสำหรับคนท้องที่มีแผ่นรองช่วยพยุงบริเวณส่วนล่างของหน้าท้อง
จะช่วยบรรเทาอาการได้
สัปดาห์ที่ 27
พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย ปลายสัปดาห์นี้ ลูกของคุณแม่จะตัวยาวเกือบหนึ่งฟุต และหนักกว่า 1 กิโลกรัมแล้วค่ะ อวัยวะทุกอย่างมีการทำงานเกือบสมบูรณ์แล้ว ถ้าต้องคลอดออกมาเขาก็สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ 85% แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลจากคุณหมอ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันยังอ่อนแอ ระบบต่างๆ และอวัยวะอีกหลายส่วนยังมีการทำงานไม่เต็มที่ค่ะ
การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ ช่วงนี้คุณแม่อาจมีความดันโลหิตสูงขึ้นเล็กน้อย นับเป็นเรื่องปกติค่ะ แต่ถ้าน้ำหนักของคุณแม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มองเห็นอะไรไม่ค่อยชัด เพราะสายตาพร่ามัว มือและเท้าบวม และลามมาถึงหน้า และคอ ควรรีบปรึกษาแพทย์ด่วน เพราะอาจเป็นอาการของโรคครรภ์เป็นพิษได้ค่ะ นอกจากนี้คุณแม่ยังอาจมีอาการไหลของปัสสาวะอาจจะช้าลง คุณแม่ควรเข้าห้องน้ำให้บ่อยขึ้น และปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะค่ะ
Tips of the week คุณแม่คงจะก้มมองดูปลายเท้าไม่ค่อยเห็นแล้วละค่ะ
ท่าเดินจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นคล้ายเป็ดเดิน เพราะยกเท้าสูงไม่ค่อยสะดวก
เริ่มจะเป็นตะคริวที่น่อง ถ้าต้องยืนหรือนั่งพับเพียบนานๆ หรือเผลอเหยียดขาเร็วๆ
หลังตื่นนอน ถ้าเริ่มเป็นให้กระดกปลายเท้าค้างไว้
หรือให้คุณสามีช่วยยันไว้และนวดบริเวณน่อง
ถ้าเป็นบ่อยให้ลองเพิ่มการทานแคลเซียมค่ะ
คุณแม่คงจะก้มมองดูปลายเท้าไม่ค่อยเห็นแล้วละค่ะ
ท่าเดินจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นคล้ายเป็ดเดิน เพราะยกเท้าสูงไม่ค่อยสะดวก
เริ่มจะเป็นตะคริวที่น่อง ถ้าต้องยืนหรือนั่งพับเพียบนานๆ หรือเผลอเหยียดขาเร็วๆ
หลังตื่นนอน ถ้าเริ่มเป็นให้กระดกปลายเท้าค้างไว้
หรือให้คุณสามีช่วยยันไว้และนวดบริเวณน่อง
ถ้าเป็นบ่อยให้ลองเพิ่มการทานแคลเซียมค่ะ
สัปดาห์ที่ 28
พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย ลูกในวัยครบ 7 เดือน จะหนักขึ้นมาอีก 2-3 ขีด และตัวยาวขึ้นอีก 2-3 นิ้วค่ะ เขาจะเริ่มลืมตาสองข้างเป็นครั้งคราว ช่องต่างๆ ในสมองของหนูจะพัฒนามากขึ้น ขณะที่เนื้อเยื่อต่างๆ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เจ้าตัวน้อยจะเริ่มนอนนานขึ้น ครั้งละ 20-30 นาที ลูกจะเตะและดิ้นแรง หากมีเสียงดัง หรือ เวลาหิว และสามารถเคลื่อนไหวเมื่อได้ยินเสียงดนตรี
สมองของลูกน้อย ระบบประสาทจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว สมองจะโตขึ้นจนเต็มภายในกะโหลกศีรษะและมีร่องบนเนื้อสมองเพื่อเพิ่มเนื้อที่ในการเก็บข้อมูลมากขึ้น เซลล์สมองและวงจรของระบบประสาทจะประสานกันอย่างสมบูรณ์และตื่นตัวเต็มที่
การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ มดลูกจะขยายใหญ่มากขึ้น ผิวของคุณแม่เริ่มขยาย อาจทำให้มีอาการผิวแตกลาย ซึ่งสามารถเกิดได้กับคุณแม่ทุกคน ไม่ว่าจะอ้วนหรือผอม หลังจากที่คลอดแล้ว ลายที่แตกจะจางเป็นสีชมพูอ่อนหรือขาว และจางไปในที่สุด และเมื่อผิวแตก อาจมีอาการคันตามมาด้วย ควรใช้ทาด้วยคาลาไมน์แทนการเกาด้วยเล็บ ซึ่งจะทำให้ติดเชื้อและโรคผิวหนังได้ คุณแม่จะปัสสาวะบ่อยขึ้น จึงควรระวังการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากช่วงนี้มดลูกขยายตัวจนไปกดทับบริเวณกระเพาะปัสสาวะ
Tips of the week คุณแม่หลายคนจะต้องเผชิญกับปัญหาริดสีดวงทวารในช่วงนี้ เพราะน้ำหนักของมดลูกทำให้มีเลือดคั่งมากขึ้น ดังนั้นควรระวังไม่ให้ท้องผูก โดยดื่มน้ำสะอาดมากๆ อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน รับประทานผัก ผลไม้ อาหารที่มีกากใยให้มากขึ้น
คุณแม่หลายคนจะต้องเผชิญกับปัญหาริดสีดวงทวารในช่วงนี้
เพราะน้ำหนักของมดลูกทำให้มีเลือดคั่งมากขึ้น ดังนั้นควรระวังไม่ให้ท้องผูก
โดยดื่มน้ำสะอาดมากๆ อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน รับประทานผัก ผลไม้
อาหารที่มีกากใยให้มากขึ้น
สัปดาห์ที่ 29
พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย ลูกน้อยหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม ยาวประมาณ 10 นิ้ว สัปดาห์นี้เจ้าตัวน้อยจะเริ่มดิ้นมากขึ้นและรู้สึกได้ชัดเจนขึ้น จนอาจทำให้บางครั้งคุณแม่จุกได้ค่ะ และถ้ามีแสงสว่างเข้าไปในมดลูก การมองเห็นของลูกพัฒนามากจนสามารถลืมตาและหันหน้ามาทางต้นกำเนิดแสง และกะพริบตาเพื่อตอบสนองต่อแสงได้แล้ว ชั้นไขมันใต้ผิวหนังสะสมหนาขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในโลกภายนอก และเล็บงอกออกมาถึงปลายนิ้วแล้วค่ะ
การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นจนไปเบียดทับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้คุณแม่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น หากมีอาการอ่อนเพลียร่วมด้วย หรือมีประวัติโรคเบาหวานในครอบครัว คุณแม่ควรจะปรึกษาคุณหมอ เพราะอาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคเบาหวานในขณะตั้งครรภ์ได้ หากมีข้อสงสัยคุณหมอจะเจาะเลือดของคุณแม่ในขณะที่ผ่านการงดอาหารมา จากนั้นจะให้ดื่มน้ำตาลกลูโคส 100 กรัม และเจาะเลือดอีก 3 ครั้ง ห่างกันทุก 1 ชั่วโมง ถ้ามีน้ำตาลในกระแสเลือดสูงผิดปกติก็ถือว่าเป็นเบาหวานคุณแม่จะต้องได้รับการดูแลจากคุณหมออย่างใกล้ชิด ช่วงนี้หัวนมของคุณแม่อาจมีน้ำนมสีเหลืองข้นไหลออกมา เพราะโปรแลคตินกระตุ้นเต้านมพร้อมผลิตน้ำนม ปรากฏการณ์นี้เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการทำงานของเต้านม คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามินซี วิตามินดี จะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่เตรียมพร้อมสำหรับการผลิตน้ำนมไว้ให้กับลูกน้อยค่ะ
Tips of the week เพื่อพัฒนาสายตาและการมองของลูก คุณแม่ควรให้ความสำคัญกับสารอาหารสำคัญอย่าง DHA ซึ่งช่วยพัฒนาสมองและสายตาของลูกได้ ลูกจะได้รับ DHA ผ่านทางสายสะดือโดยตรง และทารกในครรภ์จะสะสม DHA ไว้ในสมองมากเป็นพิเศษในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด เนื่องจากในช่วงนี้อัตราการเจริญเติบโต และพัฒนาการของสมองเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยคุณแม่ควรได้รับ DHA ปริมาณ 300 มก./วัน
สัปดาห์ที่ 30
พัฒนาการของเจ้าตัวน้อย เจ้าตัวน้อยของคุณแม่ยาวประมาณ 11 นิ้ว หนักกว่า 1.5 กิโลกรัม นับจากสัปดาห์นี้ น้ำหนักของลูกจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สมองของลูกน้อย สมองของลูกน้อยจะขยายและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มรอยยักบนสมอง ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่ในเนื้อเยื่อสมองเพื่อการพัฒนาและการเรียนรู้ ของลูกน้อย
การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ คุณแม่จะรู้สึกเหนื่อยและเพลียง่ายขึ้นค่ะ เป็นการเตือนของร่างกายให้พักผ่อนมากขึ้น ควรนอนพักผ่อน ให้ได้อย่างน้อยวันละ 10 ชั่วโมงขึ้นไป โดยนอนตะแคงซ้ายให้มากกว่าท่าอื่นๆ มดลูกที่ขยายตัวอาจกดลงบนเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับแขนหรือขา ทำให้ขา นิ้วเท้า หรือแขนรู้สึกเหน็บชา ไม่ต้องตกใจไปค่ะเพราะเป็นอาการปกติของคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งจะหายไปเองหลังจากคลอดแล้วค่ะ นอกจากนี้ ท้องโตมากขึ้นทำให้คุณแม่หายใจเร็วขึ้น เพราะมดลูกโตจนดันกระบังลมทำให้หายใจได้สั้นๆ คุณแม่จะรู้สึกอุ้ยอ้าย เคลื่อนไหวไม่คล่องแคล่ว จึงควรเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้ปอดทำงานหนักเกินไป ท่วงท่าก็สำคัญนะคะ คุณแม่ควรนั่งและนอนเหยียดหลังตรงเพื่อให้ปอดขยายตัวได้มากขึ้นค่ะ
Tips of the week หากคุณแม่มีอาการบวมมากขึ้นภายใน 2-3
วัน ร่วมกับอาการปวดหัวมาก และปัสสาวะออกน้อยลง
อาจเป็นอาการเริ่มแรกของครรภ์เป็นพิษ ควรรีบปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์ด่วนค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น